ทิเบตันแมสติฟฟ์มีชื่อภาษาถิ่นว่า โทชี (Do-khyi) ซึ่งมีผู้แปลไว้ต่างกัน เช่น ผู้เฝ้าเรือน (home guard), ทวารบาล (door guard), สุนัขที่พึงล่ามไว้ (doc which may be tied) และสุนัขที่พึงคุมขังไว้ (doc which may be kept) ทั้งนี้เพราะสุนัขชนิดนี้นิยมผูกหรือล่ามไว้กับสถานที่ต่างๆ เพื่อให้รักษาสถานที่เหล่านั้น
โดยความนิยมในการเพาะพันธุ์สุนัขพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ เริ่มขึ้นช่วงปี 1990 และพุ่งสูงสุดในช่วงกลางปี 2010 ราคาประมูลที่สูงขึ้น ทำให้มันถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีในการหาเงินอย่างรวดเร็ว
ในปี 2014 ลูกสุนัขทิเบตันมาสทิฟฟ์ขนสีทองตัวหนึ่ง ถูกขายที่งานแสดงสัตว์เลี้ยงสุดหรูในประเทศจีน จังหวัดเจ้อเจียง ในราคา 1.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ .. นับเป็นการซื้อขายสุนัขที่แพงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นของการล้มสลายของสายพันธุ์สุนัขที่แพงที่สุดในโลก คือ ดีมานด์ที่ลดลง ซึ่งครั้งหนึ่งในจีน มีทิเบตันมาสทิฟฟ์ เกือบ 1,000 ตัว ถูกปล่อยทิ้งหลังจากศูนย์เพาะพันธุ์เลิกกิจการและปิดตัวลง และยังถูกทิ้งโดยประชาชนที่ไม่ต้องการเลี้ยงพวกมันอีกด้วย
ครั้งนั้นสื่อจีนรายงานว่า สุนัขเหล่านี้แต่ละตัวเคยขายได้มากถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตอนนี้พวกมันไม่มีค่าอะไร ซึ่งบางส่วนได้รับความช่วยเหลือจากศูนย์พักพิงสัตว์ หลังจากที่พบว่าพวกมันถูกทิ้งให้อยู่บนถนนในจังหวัด Yushu มณฑลชิงไห่
ทิเบตันมาสทิฟฟ์ เคยเป็นสัญลักษณ์ในหมู่ผู้มั่งคั่งและมีอำนาจของจีน แต่เพราะความต้องการลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตของจีน และอุปทานที่มากเกินไปในสายพันธุ์นี้
ในตอนนี้ ทิเบตันมาสทิฟฟ์ นับหมื่นตัวเป็นสุนัขที่ถูกทิ้งอยู่ในจีน โดยเฉพาะในเขตปกครองตนเองทิเบต พวกมันตัวใหญ่ และอันตราย มันโจมตีผู้คนและขโมยปศุสัตว์ในพื้นที่ การจะเลี้ยงดูพวกมันจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเช่นกัน เพราะยังไงซะมันก็เป็นสุนัขขนาดใหญ่มาก ตอนนี้ผู้ดูแลศูนย์พักพิงสัตว์ ทำได้เพียงทำหมันพวกมันให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม การผสมข้ามสายพันธุ์ครั้งใหญ่ได้ก่อให้เกิดสุนัขคุณภาพต่ำจำนวนมากมายที่ไม่สามารถขายได้ สุดท้ายจึงล้นตลาด สุดท้ายราคาของทิเบตันมาสทิฟฟ์ ก็ตกลงอย่างต่อเนื่อง .. จนสุดท้ายมันก็กลายเป็นสุนัขที่ไม่คุ้มที่จะเลี้ยงและถูกทิ้งในที่สุด
สำหรับตอนนี้ทิเบตันมาสทิฟฟ์ กลายเป็นสัตว์ที่แพร่พันธุ์ได้มากที่สุดและรวดเร็วที่สุดในบรรดาสัตว์กินเนื้อบนที่ราบสูงทิเบต เนื่องจากพวกมันอาศัยอยู่เป็นฝูง พวกมันจึงเป็นภัยคุกคามต่อสัตว์ป่าอื่น ๆ เพราะพวกมันแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงอาหารและพื้นที่อยู่อาศัย
นอกจากนี้ ชาวบ้านในทิเบตยังเล่าว่า พวกเขาพบเห็นสุนัขชนิดนี้ไล่กัด หมี สุนัขจิ้งจอก กินไก่ที่เลี้ยงไว้ รวมถึงแกะ และทำร้ายมนุษย์บ่อยครั้ง และมันยังเป็นพาหะน้ำโรคอย่างโรคพิษสุนัข สุนัขทิเบตันยังสามารถนำเชื้อบางโรคมาสู่มนุษย์ได้ เช่นโรคพยาธิไฮดาติด (Hydatid) ซึ่งเป็นการติดเชื้อในสุนัขที่เกิดจากตัวอ่อนของพยาธิตัวตืดซึ่งแพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับอาหาร น้ำหรือดิน