ความจริงแล้ว ลักษณะที่แปลกประหลาดของปลาทะเลน้ำลึก ส่วนใหญ่เป็นภาพสะท้องของสภาพแวดล้อมที่รุนแรงที่พวกมันอาศัยอยู่ โดยปกติแล้วทะเลลึกจะเริ่มต้นที่ 200 เมตร (656 ฟุต) ใต้ระดับน้ำทะเล มันเป็นที่ๆ มีแสงน้อยจนถึงไม่มีเลย ความดันสูงมาก อาหารน้อย แม้แต่สารอาหารในน้ำก็น้อยเช่นกัน แน่นอนว่าในส่วนลึกนั้นหนาวเย็นกว่าส่วนอื่นๆ ของมหาสมุทรมาก โดยอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงกว่าจุดเยือกแข็งเล็กน้อย หรือประมาณ 4 องศาเซลเซียส
“ทะเลลึกเป็นที่ๆ ลำบากในการหาเลี้ยงชีพ ดังนั้นสัตว์จำนวนมากจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับพื้นที่ ทั้งนี้ก็เพื่อความอยู่รอดในสภาพแวดล้อมของพวกมัน” แมรี แม็กคาร์ธี (Mary McCarthy) นักชีววิทยาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมอนเทอเรย์เบย์ ในแคลิฟอร์เนียกล่าว
หากไม่มีโอกาสมากมายในการหาอาหาร ปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลลึกจึงได้พัฒนาลักษณะ ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้พวกมันจับเหยื่อได้ หนึ่งในสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือขากรรไกรขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น ปลาไวเปอร์ของสโลน (Chauliodus sloani) มันเป็นปลาที่มีเขี้ยวขนาดใหญ่จนไม่สามารถปิดปากลงมาได้ ฟันที่แหลมคมเหล่านี้ยังโปร่งใส ซึ่งหมายความว่า มันสามารถซ่อนอาวุธจากเหยื่อได้อย่างแนบเนียน กว่าเหยื่อจะรู้ตัวก็โดนกัดไปซะแล้ว
ปลาทะเลน้ำลึกอื่นๆ เช่น ปลาไหลกัลเปอร์ (Eurypharynx pelecanoides) จะมีปากที่เมื่อยืดออก จะมีขนาดใหญ่กว่าร่างกายของมันซะอีก มันจะใช้เพื่อจับและกลืนเหยื่อขนาดใหญ่ได้ในคำเดียว และด้วยร่างกายที่ดูผอมแห้งของมัน ได้ซ่อนกระเพาะขนาดใหญ่เอาไว้ โดยจะเห็นเมื่อมีเหยื่ออยู่ในท้องเท่านั้น
การแสดงแสงสีใต้น้ำของปลาน้ำลึก
นักล่าใต้ทะเลลึกบางตัว มีอาวุธลับที่ทำให้พวกมันกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดเหยื่อได้ พวกมันมีสารเรืองแสงซึ่งสร้างขึ้นจากสิ่งมีชีวิต หรือมีแม้แต่ความสามารถในการสร้างแสงในตัวของมันเอง
ให้ลองนึกถึงปลาซีเดวิลดำตัวเมีย หรือ ปลาแองเกลอร์ใต้ทะเลลึก มันเป็นปลาชนิดหนึ่งที่ปรากฏในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง “Finding Nemo” ในปี พ.ศ. 2546 (2003) สิ่งมีชีวิตที่ชวนให้ฝันร้ายเหล่านี้ จะล่อเหยื่อโดยการเรืองแสงในที่มืดที่ปลายคันเบ็ด ที่ติดกับหัวของพวกมัน แสงนี้สามารถดึงดูดเหยื่อส่วนใหญ่ได้ อาจเป็นสัตว์ทะเลลึกคิดว่าพวกมันกำลังจะได้กินสิ่งมีชีวิตเรืองแสงขนาดเล็ก ซึ่งจริงๆ แล้วพวกมันเองต่างหากที่กำลังจะกลายเป็นอาหาร
แต่การล่อเหยื่อไม่ใช่ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวของการเรืองแสงจากสิ่งมีชีวิต ซึ่งมีปลาน้ำลึกถึง 75% ที่สามารถเรืองแสงได้ และจากการศึกษาในปี พ.ศ. 2560 โดยนักวิจัยจากสถาบันวิจัยพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมอนเทอเรย์เบย์ พวกเขาพบว่าปลาทะเลน้ำลึกบางชนิด เช่น ปลาแฮงค์เกตยักษ์ (Argyropelecus gigas) สามารถปรับแสงให้สลัวและสว่างขึ้นเพื่อให้เข้ากับแสงรอบๆ ตัว มันจะใช้สารเรืองแสงเป็นกลไกปิดบังซ่อนตัวจากศัตรู
ในกรณีส่วนใหญ่ การแสดงแสงของปลาเหล่านี้ เป็นผลมาจากปฏิกิริยาทางเคมีภายในร่างกายของปลา ซึ่งสารประกอบที่เปล่งแสงจะเรียกว่าลูซิเฟอริน (luciferin) ซึ่งจะรวมตัวกับเอนไซม์ลูซิเฟอเรส (luciferase) เพื่อสร้างโฟตอนของแสง คล้ายกับ “เมื่อคุณหักแท่งไฟ”
ลัษณะทั่วไปอีกประการหนึ่งของปลาในทะเลลึกคือ “ความอ่อนนุ่ม” อย่างเช่นปลาบล็อบฟิช (Psychrolutes marcidus) ซึ่งพบในน่านน้ำนอกชายฝั่งออสเตรเลียและแทสเมเนีย มันเป็นปลาที่อาศัยอยู่ที่ระดับความลึกระหว่าง 600 – 1,200 เมตร เป็นที่ๆ มีแรงดันอาจมากกว่า 100 เท่าของแรงดันบนพื้นผิว
เพื่อความอยู่รอดในแรงกดดันที่บีบคั้นนี้ ปลาบล็อบฟิชได้ปรับร่างกายให้หย่อนยานเป็นพิเศษ มันไม่มีโครงกระดูกที่แข็งแรง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อเจ้าปลาชนิดนี้ถูกนำขึ้นมาบนผิวน้ำ มันจึงยุบตัวลงและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายวุ้นซึ่งมีใบหน้าที่ขมวดคิ้วตลอดเวลา และเพราะแบบเลยทำให้มันถูกขนานนามว่าเป็น “สัตว์ที่น่าเกลียดที่สุดในโลก” ในปี พ.ศ. 2556
ปลามันแปลก หรือจริงๆ แล้วเป็นเรื่องธรรมดา?
คุณต้องรู้ว่า มหาสมุทรครอบคลุมพื้นที่บนโลกมากกว่า 70% ทำให้ทะเลลึกเป็นหนึ่งในแหล่งที่อยู่อาศัยที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้นแทนที่จะถามว่าทำไมสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกถึงดูแปลกประหลาดนัก บางทีพวกเราที่อาศัยบนบกควรถามคำถามอื่น เช่น มนุษย์เป็นสิ่งที่ดูแปลกประหลาดหรือไม่?
“เพราะทะเลลึก มืด เย็น และเพราะบ่อยครั้งที่มีออกซิเจนต่ำมาก มันจึงเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราคุ้นเคย แต่มันก็เหมาะกับสภาพแวดล้อมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกมัน แต่มันก็แปลกสำหรับเรา”