อย่างที่บอกแทสเมเนียนเดวิลเป็นมาร์ซูเปียลกินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มันกินอาหารได้หลากหลายแบบ มันอาจล่าสัตว์อย่างกบ นก ปลา และแมลง แต่อาหารส่วนใหญ่ของพวกเขาประกอบด้วยซากสัตว์จริงๆ
แต่ถึงกระนั้นแทสเมเนียนเดวิลก็ไม่ใช่สัตว์กินของเน่าทั่วไป มันไม่ได้กินทุกอย่างที่มันเจอหรือกัดได้ นักวิจัยในออสเตรเลียแปลกใจมากที่พบว่ามันมีรสนิยมและความชอบด้านอาหารที่เฉพาะเจาะจงมาก ซึ่งสามารถแตกต่างกันไปในแต่ละตัว เรื่องนี้ค่อนข้างไม่เคยได้ยินมาก่อนสำหรับสัตว์กินซาก แต่แทสเมเนียนเดวิลเองก็ไม่ใช่สัตว์ที่จะเล่นตามกฎอยู่แล้ว
Tracey Rogers ผู้เขียนอาวุโสของการศึกษาและศาสตราจารย์แห่ง School of Biology, Earth and Environmental Studies แห่ง University of New South Wales กล่าวว่า “มันเป็นงานของสัตว์กินซากที่จะกินทุกอย่างที่หาได้ แต่เราพบว่าแทสเมเนียนเดวิลส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่จู้จี้จุกจิกและเลือกกิน พวกมันฝ่าฝืนกฎแห่งการไล่ล่า
สัตว์กินของเน่าหรือที่เรียกว่าสัตว์ที่กินซากสัตว์ที่ตายในโลกมีหลายชนิด ทั้ง อีแร้ง อีกา และไฮยีน่า พวกนี้เป็นหนึ่งในสัตว์กินซากที่มีชื่อเสียงที่สุดในอาณาจักรสัตว์ มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อาหาร โดยทำให้ระบบนิเวศปราศจากซากสัตว์และรีไซเคิลอินทรียวัตถุเข้าสู่ระบบนิเวศเพื่อเป็นสารอาหาร
เราเคยคิดว่า แทสเมเนียนเดวิลเป็นสัตว์กินซาก ที่เจออะไรที่กินได้มันก็จะกินโดยไม่เลือกนัก แต่กลับกลายเป็นว่าพวกมันจู้จี้จุกจิกมากกว่าเด็กเลือกกินซะอีก
Anna Lewis ผู้เขียนนำการศึกษาและปริญญาเอก เขาได้วางกับดักในเกาะแทสเมเนียครั้งละหนึ่งสัปดาห์ และจับแทสเมเนียนเดวิลได้ประมาณ 10 ตัวต่อวัน สุดท้ายพวกเขาจับตัวได้ 71 คนในกับดัก 7 แห่งที่แตกต่างกัน จากนั้นพวกเขาได้เก็บตัวอย่างขนาดเล็กออกจากแทสเมเนียนเดวิล ก่อนจะปล่อยพวกมันกลับคืนสู่ธรรมชาติ ขนแต่ละเส้นฝังด้วยไอโซโทปจากอาหารที่มันเคยกินมาในอดีต ซึ่งเผยให้เห็นถึงอาหารของพวกมัน
แทสเมเนียนเดวิลประมาณหนึ่งในสิบกินอาหารทั่วไป ซึ่งประกอบด้วยอาหารทุกอย่างที่มีในถิ่นที่อยู่ของพวกมัน อย่างไรก็ตาม แทสเมเนียนเดวิลส่วนใหญ่เลือกที่จะกินอาหารโปรด เช่น วอลลาบี พอสซัม หรือแม้แต่นกแก้ว
เหตุที่พวกมันเลือกกันได้ อาจเป็นเพราะในเกาะแทสเมเนีย สัตว์อย่างแทสเมเนียนเดวิลแทบจะอยู่ในอันดับต้นของห่วงโซ่อาหาร พวกมันแทบไม่ต้องกังวลว่าจะโดนล่าจากสัตว์อื่น “การแข่งขันส่วนใหญ่ของพวกมันคือการแข่งขันกันเอง”