คอดคอด แมวป่าขนาดเล็กที่สุดในทวีปอเมริกา
จริงๆ ในโลกนี้มีแมวป่าตัวเล็กกว่าเจ้าคอดคอดนะครับ อย่างตัวที่ผมเคยเอามาให้ดูก็เป็น แมวตีนดำ และ แมวจุดสีสนิม โดยเจ้าแมวคอดคอด เป็นแมวที่มีลำตัวยาว 50 เซนติเมตร หนักเพียง 2.2 กิโลกรัม
คอดคอด เป็นแมวที่มีลักษณะคล้ายแมวชอฟรัว ซึ่งมีเขตกระจายพันธุ์ร่วมกัน แต่แมวคอดคอดจะตัวเล็กกว่า หัวเล็กกว่า และหางฟูกว่าด้วย นักวิทยาศาสตร์บางคนจัดว่าคอดคอดเป็นเพียงชนิดย่อยหนึ่งของแมวชอฟรัวเท่านั้น
คนท้องถิ่นเรียกว่า กวีนยา (Guigna) ซึ่งมีความหมายว่า แมวภูเขา ส่วนคำว่า คอดคอดอาจมาจากภาษาอินเดียนแดงเผ่นมาปูเช บางคนสันนิษฐานว่าชื่อนี้เคยใช้เรียกแมวปัมปัสมาก่อน ซึ่งชื่อชนิดของแมวปัมปัสคือ colocolo อาจกร่อนมาจากคำว่าคอดคอดก็ได้
นิสัยของแมวคอดคอด
คอดคอดจะออกหากินได้ทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน แต่หากเป็นบริเวณที่มีมนุษย์อยู่ คอดคอดจะหากินเวลากลางคืนเท่านั้น ส่วนคอดคอดในแหล่งเพาะเลี้ยงอย่างเช่นสวนสัตว์ ก็อาจมีกิจกรรมในตอนกลางวันมากกว่า โดยพวกมันจะหากินบนพื้นดินเป็นหลัก แต่ก็ปีนป่ายได้ดีเช่นกัน มันอาจปีนขึ้นต้นไม้ไปพักผ่อนในเวลากลางวันหรือเพื่อหนีอันตราย อาหารหลักคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดเล็กเช่นพวกหนู รวมถึงนก สัตว์เลื้อยคลานและนก
แมวที่ลึกลับ กับเสียงร้องแปลกๆ
แมวอย่างคอดคอด ถือเป็นแมวที่ลึกลับ พวกมันมักจะอาศัยอยู่ในเงามืด และด้วยนิสัยนิสัยขี้อายประกอบกับจำนวนประชากรที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้การศึกษาแมวชนิดนี้เป็นเรื่องยากมาก การบันทึกเสียง (ดูจากคลิป) เป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับความรู้ที่จำกัดเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก
เนื่องจาก “คอดคอด” เป็นแมวที่พบเห็นในธรรมชาติได้ค่อนข้างยาก “แมวในคลิป” นี้เป็นแมวที่ถูกเลี้ยงดูโดยเจ้าหน้าที่ของเขตอนุรักษ์แห่งชาติ Fauna Andina พวกเขาพบมันหลังจากที่แม่ของมันถูกฆ่าโดยนักล่า ซึ่งในตอนนั้นมันมีอายุเพียง 10 วัน และในวันที่ถ่ายทำ มันมีอายุ 2 ปี มันเป็นแมวที่ไม่สามารถกลับคืนสู่ธรรมชาติได้ เพราะมันเข้ากับมนุษย์ได้ดีเกินไป
สถานภาพที่ไม่แน่ชัด
จำนวนของแมวคอดคอดในธรรมชาติไม่ทราบแน่ชัด แต่จากการที่มีเขตกระจายพันธุ์จำกัดแสดงถึงจำนวนประชากรที่ไม่มาก และนี่ก็เป็นสาเหตุให้พวกมันค่อนข้างอ่อนไหวต่อการทำลายป่า ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในอเมริกาใต้
แม้ขนาดที่เล็กของแมวชนิดนี้ช่วยให้มันหลุดรอดสายตาไปจากการล่าเพื่อเอาหนังได้ดี แต่มันก็มักติดกับดักที่นายพรานวางไว้ดักหมาจิ้งจอกอยู่เสมอ โดยแมวชนิดนี้ได้รับการคุ้มครองทั้งที่ประเทศอาร์เจนตินาและชิลี ไซเตสจัดไว้ในบัญชีหมายเลข 2 (2552) ไอยูซีเอ็นประเมินว่าอยู่ในสถานะเสี่ยงสูญพันธุ์ (2551)