ได้กลับบ้านแล้วทริปตกปลาอลวน หลังเมียนมาจับกักตัวนานนับเดือน

นึกว่าจะได้กลับบ้านหลังปีใหม่ซะแล้ว จากเหตุเมื่อวันที่  8 พ.ย.63 เรือท่องเที่ยวตก POLARISE ONE ที่ถูกเรือรบเมียนมาจับกุม สามารถกดอ่านลิงค์ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลา 1 เดือนกว่าๆ ที่ถูกทางพม่าจับกักตัวเอาไว้ ในที่สุดก็ได้กลับประเทศไทย

จากกรณี นักท่องเที่ยวตกปลาไทย 20 คน พร้อมผู้ควบคุมเรือและลูกเรือท่องเที่ยวตกปลาอีก 4 คน ได้ลงเรือตกปลา “POLARISE ONE” ไปตกปลาในทะเลอันดามัน ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.63 แล้วได้ถูก เรือรบทร.เมียนมา หมายเลข 567 เข้าจับกุมข้อหา ตกปลาในเขตน่านน้ำประเทศเมียนมา ก่อนถูกคุมตัวไปยังฐานทัพเรือเกาะย่านเชือก นำตัวไปพักในโรงแรมฝั่งจังหวัดเกาะสอง ประเทศเมียนมา โดยหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้เร่งประสานงานและให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทางกองทัพเรือได้ประสานกับทางการเมียนมามาโดยตลอด มีการพูดคุยเจรจาให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะประเด็นนักท่องเที่ยวเข้าไปในน่านน้ำ ไม่ได้มีเจตนาเข้าไปทำผิดกฎหมาย ทางการเมียนมาก็ได้ให้ความช่วยเหลือในการดำเนินการเป็นอย่างดี แต่ต้องเคารพกฏหมายของแต่ละประเทศ ที่ได้มีการบังคับใช้ที่แตกต่างกันออกไป

แม้การช่วยเหลืออาจมีความล่าช้าไปบ้าง เนื่องจากขั้นตอนการขออนุมัติแต่ละขั้นตอนของทางการเมียนมา ต้องมีการอนุญาตจากส่วนกลาง อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทางการเมียนมาก็ให้การดูแลคนไทยที่จับกุมเป็นอย่างดี ก่อนประสานติดต่อกับทางการไทยให้รับมอบตัวนักท่องเที่ยว 20 คน ส่วนลูกเรืออีก 4 คนนั้นต้องทำการเปรียบเทียบปรับ และปล่อยตัวเมื่อคดีสิ้นสุดแล้ว

“…ขอแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนที่ใช้ทะเลในการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมต่างๆ ต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่ได้มีการกำหนดไว้เป็นสำคัญ รวมทั้งจะต้องรอบรู้เกี่ยวกับเขตแดนทางทะเลเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีก ขอให้เป็นบทเรียนและข้อพึงระวังทั้งนี้ หากมีเหตุการณ์ทางทะเลหรือความเคลื่อนไหวที่สำคัญสามารถประสานได้ที่ ศปก.ทรภ.ต หมายเลขโทร 076-391598 หรือสายด่วน 1696 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลในพื้นที่…” พลเรือโทเชิงชาย กล่าว

หลังจากนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และกระบวนการทางสาธารณสุขพร้อมเข้าสู่กระบวนการกักตัว “สเตท ควอรันทีน” อีก 14 วัน ขอให้ชาวระนองได้เชื่อมั่นในมาตราการดูแลความปลอดภัยในครั้งนี้

Advertisements
แหล่งที่มาdailynews.co.th