เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ค้างคาวยอดกล้วยผีเสื้อ
ค้างคาวยอดกล้วยผีเสื้อ หรือ ค้างคาวสี (painted bat) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า เคริโวลา พิคตา (Kerivoula picta) อยู่ในวงศ์ของค้างคาวกินแมลง (Vespertilionidae) เป็นค้างคาวที่พบได้ทั่วประเทศไทย ในต่างประเทศพบใน อินเดีย, ศรีลังกา, พม่า, ตอนใต้ของประเทศจีน, เวียดนาม, มาเลเชีย และ อินโดนีเซีย
ค้างคาวยอดกล้วยผีเสื้อ เป็นค้างคาวขนาดเล็ก มีรูปร่างที่เปราะบาง หูทรงกรวยขนาดใหญ่ มีน้ำหนัก 5 – 10 กรัม ลำตัวและหางมีความยาวเท่ากัน ความยาวลำตัว 3 – 5.5 เซนติเมตร ปีกกว้าง 15 – 30 เซนติเมตร โดยค้างคาวชนิดนี้จะมีสีส้มสดใสจนถึงแดงเข้มหรือส้มแกมน้ำตาล บางส่วนของท้องจะเป็นสีขาว ปีกมีสีดำมีสีส้มตามนิ้วหรือโครงปีก มีขนที่ยาวและค่อนข้างหยิก …ค้างคาวเพศผู้จะมีสีสันสดสวยมากกว่าเพศหญิง
ตามรายงานค้างคาวชนิดนี้ถูกพบในบังคลาเทศ เมื่อปี พ.ศ.2431 แล้วก็ไม่เจออีกเลยนับร้อยปี จนเชื่อว่าได้สูญพันธุ์ไปจากประเทศแล้ว จนในปี พ.ศ.2564 ก็มีรายงานการพบค้างคาวชนิดนี้อีกครั้งในอุทยานแห่งชาติมาธุปูร์ ประเทศบังคลาเทศ แล้วก็ไม่มีรายงานอีกเลย สำหรับในประเทศไทยมีข่าวการพบค้างคาวชนิดนี้เป็นระยะๆ แต่ก็ไม่บ่อย ครั้งล่าสุดเท่าที่รู้น่าจะเป็นเมื่อปี พ.ศ.2564 เป็นค้างคาวที่พบในจังหวัดราชบุรี
ค้างคาวยอดกล้วยผีเสื้อ มีพฤติกรรมเหมือนกับค้างคาวทั่วไป ที่จะออกหากินในเวลากลางคืน โดยจะออกล่าคืนละ 1 – 2 ชั่วโมง ในช่วงกลางวันมักจะไปเกาะอยู่ตามที่แปลกๆ นั้นเพราะมันจะเกาะอาศัยอยู่ ยอดใบกล้วยที่ม้วนเป็นหลอดหรือท่อ และจะย้ายไปเรื่อยๆ เมื่อยอดกล้วยแก่ขยายออกไม่ม้วนเป็นหลอด ด้วยเหตุนี้ มันจึงถูกเรียกว่าค้างคาวยอดกล้วยผีเสื้อ
นอกจากนี้ยังพบได้ตาม ใบไม้แห้ง, ยอดหญ้า, ยอดอ้อย และยังมีรายงานว่าเข้าไปอาศัยในรังของนกกระจาบซึ่งเป็นรังแบบแขวน โดยค้างคาวชนิดนี้ค่อนข้างเฉื่อยชา แม้จะถูกรบกวนมันก็หนีไปไหนไม่ค่อยจะได้
มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่อย่างเกี่ยวกับค้างคาวยอดกล้วยผีเสื้อ เพราะแม้พวกมันจะมีสีสันสดใส แต่เพราะความสว่างของสีที่ต่างกันบนตัวของพวกมัน เลยทำให้เป็นการอำพรางที่ดี พวกมันจะกลมกลืนไปกับใบไม้และดอกไม้แห้งที่พวกมันเกาะอยู่ได้อย่างง่ายดาย นี้อาจเป็นเหตุให้มนุษย์อย่างพวกเรา ไม่ค่อยจะได้เจอพวกมัน
เกือบจะไม่มีใครรู้เรื่องการสืบพันธุ์และอายุขัยของพวกมัน แต่คาดว่าจะมีการจับคู่ผสมพันธุ์ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม จากนั้นค้างคาวเพศเมียจะให้กำเนิดลูกเพียงตัวเดียว และพวกมันก็จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทย ส่วนสถานะยังไม่แน่จัด
ค้างคาวตัวเล็กที่สุดในโลกและพบในไทย คืออะไร?
ค้างคาวคุณกิตติ (Kitti’s hog-nosed bat) คือ ค้างคาวตัวเล็กที่สุดในโลก และยังเบาที่สุดอีกด้วย โดยค้างคาวคุณกิตติ มีน้ำหนักระหว่าง 1.2 – 2 กรัม ลำตัวยาวประมาณ 2.5 – 3.5 เซนติเมตร มันมีขนาดเล็กและเบาจนบางทีก็ถูกเรียกว่า “bumblebee bat มีสีน้ำตาลปนแดงเรื่อๆ หรือสีเทา มีจมูกคล้ายจมูกหมู พบได้ทางตะวันตกของประเทศไทย และทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศพม่า อาศัยอยู่ตามถ้ำหินปูนริมแม่น้ำ
ค้างคาวคุณกิตติ ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เฉลี่ยแล้วกลุ่มละ 100 ตัวต่อถ้ำ ออกหากินเป็นช่วงสั้นๆในตอนเย็นและเช้ามืด หากินไม่ไกลจากถ้ำที่พักอาศัย กินแมลงเป็นอาหาร ตกลูกปีละหนึ่งตัว จำนวนประชากรหรือความเป็นอยู่ของค้างคาวชนิดนี้ในประเทศพม่าไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ที่พบในไทยมีจำนวนน้อยมาก จากการสำรวจพบได้เฉพาะในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้น จึงเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
ตามข้อมูลระบุว่า ค้าวคาวกิตติค้นพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2516 โดย “กิตติ ทองลงยา” บริเวณถ้ำไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี …ปัจจุบันค้างคาวคุณกิตติ อยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง