ก่อนอื่นคงต้องรู้จักพฤติกรรมการล่าของหมีขั้วโลกกันก่อน ปกติแล้ว “หมีขั้วโลก” จำเป็นต้องอาศัยน้ำแข็งในทะเล เพื่อทำหน้าที่เป็นแท่นลอยน้ำ และเพื่อช่วยให้พวกมันสามารถล่าเหยื่ออย่างแมวน้ำหรือเหยื่ออื่นๆ ได้ และการที่มันอยู่ในพื้นที่ปลอดน้ำแข็ง นั้นหมายความว่า พวกมันจะไม่มีพื้นน้ำแข็งให้ยืนรอเหยื่อมากนัก
จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science ได้เขียนไว้ว่า ประชากรหมีกลุ่มใหม่นี้ มีลักษณะทางพันธุกรรมที่ต่างจากเดิม พวกมันสามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ที่มีน้ำแข็งเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ซึ่งเป็นที่สนใจมาก
นักจัยได้ค้นพบเรื่องนี้ ผ่านการผสมผสานของข้อมูลทางพันธุกรรม ความรู้ทางนิเวศวิทยาแบบดั้งเดิม ซึ่งมาจากชนพื้นเมืองในท้องถิ่น และภาพถ่ายดาวเทียมที่ใช้เวลาสังเกตการณ์กว่า 30 ปี
พวกเขาคาดว่ามีหมีขั้วโลกไม่กี่ร้อยตัว ที่ประกอบเป็นประชากรหมีขั้วโลก และกลุ่มที่อยู่ในกรีนแลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ ก็มีขนาดใกล้เคียงกับประชากรย่อยของกลุ่มอื่นที่รู้จักกันในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม หมีขั้วโลกที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ มีจำนวนเพศเมียที่โตเต็มวัย และมีลูกแรกเกิดในฤดูใบไม้ผลิน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับประชากรอื่นๆ
หลังจากที่นักวิจัยได้เก็บตัวอย่างจากหมีสองสามตัว พวกเขาค้นพบว่าประชากรกลุ่มนี้ มีความแตกต่างทางพันธุกรรมจากประชากรย่อยของสายพันธุ์ในพื้นที่อื่น .. และในความเป็นจริง หมีกรีนแลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ พวกมันค่อนข้างแยกออกจากหมีกลุ่มอื่น
จากภาพถ่ายดาวเทียมก็สนับสนุนถึงจุดนี้ โดยแสดงให้เห็นว่า ประชากรหมีตะวันออกเฉียงใต้ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับหมีที่อาศัยอยู่ในกรีนแลนด์ตะวันออกเฉียงเหนือเลย
ทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่า ประชากรทางตะวันออกเฉียงใต้นั้น แยกออกจากกันและมีความแตกต่างทางพันธุกรรมจากประชากรหมีขั้วโลกอื่นๆ ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุดเกี่ยวกับงานวิจัยนี้คือ “พฤติกรรมใหม่”
โดยปกติ! บริเวณกรีนแลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ จะปราศจากน้ำแข็งในทะเลมากกว่า 250 วันต่อปี นี่มันเกินความสามารถของหมีขั้วโลกในการอดอาหารนานกว่า 100 วัน
อย่างไรก็ตาม ประชากรกลุ่มนี้ไม่หิวโหย แทนที่จะใช้แท่นน้ำแข็งในทะเลในการล่าสัตว์ พวกมันเลือกที่จะใช้น้ำแข็งที่บริเวณแนวหน้าของธารน้ำแข็งในทะเล หรือที่รู้จักในชื่อ Glacial mélange ซึ่งเป็นส่วนผสมของน้ำทะเลและหิมะ เพื่อเป็นแท่นล่าแมวน้ำตลอดทั้งปี นี่คือพฤติกรรมที่ไม่เคยมีการรายงานมาก่อน
สุดท้ายหวังว่า! บางทีประชากรกลุ่มใหม่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีเทคนิคการล่าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อาจจะสามารถฝ่าฟันพายุแห่งการสูญพันธุ์ได้ดีกว่ากลุ่มอื่นๆ เล็กน้อย แม้จะเคยมีงานวิจัยที่ชี้ว่า พวกมันจะสูญพันธุ์ภายในปี 2100
