แนวคิดนี้ถูกเสนอขึ้นในปี 1910 ในขณะที่สหรัฐอเมริกา กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนเนื้อสัตว์อย่างรุนแรง การเพิ่มขึ้นของประชากร รวมกับพื้นที่เพาะปลูกที่รกร้าง ส่งผลให้ราคาเนื้อวัวพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากมีความต้องการมากขึ้น และเกษตรกรเองก็พยายามดิ้นรน เพื่อให้ทันกับความต้องการ
โดยในตอนนั้นระบบน้ำในภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำหรือทะเลสาบก็เต็มไปด้วยผักตบชวา ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่รุกรานที่ถูกนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น และมันกำลังเป็นปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ
นั่นคือตอนที่นักล่าสัตว์ผู้ทรงอิทธิพลสองคนคิดวิธีแก้ปัญหา พวกเขาคิดว่าควรนำเข้าฮิปโปเข้ามา และปล่อยพวกมันไปยังที่ลุ่มทางใต้ที่ “ไร้ประโยชน์” ซึ่งเป็นที่ๆ วัวควายไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ โดยพวกเขาอ้างว่าเนื้อฮิปโปมีรสชาติอร่อย และสัตว์เหล่านี้จะช่วยกินผักตบชวาที่อุดมสมบูรณ์ในหนองน้ำอย่างมีความสุขจนกว่าจนมันตัวใหญ่และเก็บเกี่ยวเนื้อของพวกมันได้โดยไม่ต้องลงทุนอะไรนัก
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งหลุยเซียน่า Robert Broussard ได้นำเสนอ “Hippo Bill” อย่างเป็นทางการ โดยหาเงิน $250,000 (ในสมัยนั้น) เพื่อนำเข้าฮิปโปมายังสหรัฐอเมริกา และอย่างที่พวกเขาเรียกกันว่า “เบคอนวัวในทะเลสาบ” จะสามารถใช้เป็นอาหารสำหรับคนอเมริกันได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี
แต่นี้อาจเป็นเพียงการเริ่มต้น ตามที่บทบรรณาธิการของ New York Times ในปี 1910 ได้รายงานเกี่ยวกับร่างกฎหมายนี้ .. ยังมีสัตว์อื่นๆ ที่อยู่ในรายการที่จะนำเข้ามาเช่น จามรี , ควายป่าแอฟริกา และและสัตว์อื่นๆ อีกจำนวนมากจากทั่วโลกอาจถูกนำเข้ามาเพื่อการปศุสัตว์
แม้แต่ “แรดขาว” ที่อ่อนโยนก็เขียนไว้ว่ารสชาติเยี่ยม เช่นเดียวกับ “ดิก-ดิก (คล้ายกวางแต่ตัวเล็กมาก)” ซึ่งได้รับการอธิบายว่า “เหมาะสมสำหรับงานเลี้ยงคริสต์มาส” แม้แต่ช้าง ยีราฟ และม้าลายก็อยู่ในเมนูที่เสนอเช่นกัน
โชคดีที่แนวคิดดังกล่าวก็หายไปในที่สุด และแทนที่จะนำสัตว์ใหม่ๆ มาสู่ภูมิทัศน์ที่มีอยู่ รัฐบายเลือกปรับภูมิประเทศได้เพื่อรองรับสัตว์ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าได้ผลดีในระยะยาว แม้ในตอนนี้จะมีสัตว์รุกรานมากมาย แต่คนอเมริกันก็ไม่จำเป็นต้องกินพวกมันอีกแล้ว