ทะเลสาบไบคาลเป็นที่รู้จักในชื่อ “กาลาปาโกสแห่งรัสเซีย” เป็นที่อยู่ของสายพันธุ์ที่แปลกประหลาดและหลากหลาย แม้ว่าจะถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งหนาเป็นเวลาห้าเดือนต่อปี แต่ระบบนิเวศที่พัฒนาขึ้นในทะเลสาบแห่งนี้ ทำให้กว่าร้อยละ 80 ของพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่ในนั้นจะไม่พบที่ใดในโลก
ปลาที่เยอะจนน่ากลัว แต่ก็กลับไม่ง่าย
ในหมู่ของสัตว์เหล่านั้น มีปลาที่ชื่อว่า Baikal oilfish หรือที่เรียกว่า Golomyankas พวกมันเป็นปลาที่ไม่มีเกล็ด มีลำตัวโปร่งแสงที่สามารถยาวได้ประมาณ 21 เซนติเมตร และตัวของปลาก็เต็มไปด้วยน้ำมัน และในทะเลสาบก็มีอยู่ 2 ชนิดคือ Comephorus baikalensis ( Pallas , 1776) (ปลาน้ำมันไบคาลใหญ่) และ Comephorus dybowskii ( Korotneff , 1904) (ปลาน้ำมันไบคาลเล็ก)
นอกเหนือจากรูปร่างหน้าตาที่แปลกประหลาดแล้ว พวกมันยังครอบครองพื้นที่ในส่วนลึกที่สุดของทะเลสาบอีกด้วย และด้วยความที่เป็นปลากินเนื้อ ในที่ๆ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเจอพวกเดียวกัน สิ่งที่ปลาชนิดนี้ทำคือการกลืนกินลูกหลานของพวกมันเอง …แต่ไม่เป็นไร เพราะยังไงพวกมันก็มีเยอะมากอยู่แล้ว
ปลาชนิดนี้มีประโยชน์กับมนุษย์อยู่บ้าง แม้จะไม่เหมาะเอามากิน แต่ตัวของมันก็เต็มไปด้วยน้ำมัน ซึ่งสามารถนำมาใช้แทนน้ำมันตะเกียงได้ แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่สามารถจับพวกมันทีละมากๆ ได้ เนื่องจากมันเป็นปลาน้ำลึกและยังไม่รวมฝูง แถมทะเลสาบยังเต็มไปด้วยน้ำแข็ง
แต่ตอนนี้นักวิจัยกำลังกังวล ในเรื่องที่พวกมันกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว หากเป็นอย่างนี้ต่อไปมวลชีวภาพของปลาชนิดนี้จะมีมากเกินไป และทำจะทำให้ระบบนิเวศของทะเลสาบไบคาลเสียสมดุลจนพังทลาย
ตัวเลขที่น่าสนใจของทะเลสาบไบคาล
- ปริมาตร : 23,013 ลูกบาศก์กิโลเมตร ปริมาณนี้เทียบเท่ากับ Great Lakes ทั้งห้าแห่งในอเมริกาเหนือโดยประมาณรวมกัน
- ความลึกสูงสุด : 1,632 เมตร โดยมีความลึกเฉลี่ย 744 เมตร จุดต่ำสุดของมันอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 1,219 เมตร จึงเป็นทะเลสาบลึกที่สุดในโลก
- พื้นที่ทะเลสาบ : 31,722 ตารางกิโลเมตร
- ความยาว : 640 กิโลเมตร
- ความกว้างสูงสุด : 79.5 กิโลเมตร
- ความกว้างเฉลี่ย : 47 กิโลเมตร
- ความกว้างขั้นต่ำ : 25 กิโลเมตร
- พื้นที่ชายฝั่งทะเล : 2,100 กิโลเมตร
ทะเลสาบไบคาลเป็นทะเลสาบที่ลึกมากเพียงแห่งเดียวในโลก ที่น้ำมีออกซิเจนในระดับความลึกสุด เช่นเดียวกับมหาสมุทร ตามบทความใน BioScience ปี 2009 นอกจากนี้ที่ใต้ทะเลสาบไบคาลยังอุ่นอีกด้วย ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบที่มาของแหล่งความร้อนที่ช่วยสนับสนุนทะเลสาบแห่งนี้