แทบไม่มีที่ไหนบนโลกที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมนุษย์ แม้แต่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ เมื่อมนุษย์ปรับเปลี่ยนที่ดินเพื่อให้เหมาะกับการอยู่อาศัย ก็จะสร้างความเสียหายและทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์ต่างๆ รวมถึงนกด้วย แหล่งที่อยู่อาศัยที่มนุษย์สร้างขึ้นแทนเช่น ฟาร์มและเมือง มักจะเป็นสิ่งทดแทนที่แย่สำหรับนก เนื่องจากมีความหลากหลายที่ต่ำกว่าในธรรมชาติมาก
“เราได้ดำเนินการทบทวนบทความทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง และเป็นครั้งแรกที่มีการรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ ที่เกี่ยวข้องกับจำนวนนกที่สูญพันธุ์ไปทั่วโลก โดยนกที่สูญพันธุ์ไปในช่วง 300 ปีที่ผ่านมานั้นเราพอรู้จักเพราะยังมีตัวอย่างซากและตัวที่สตัฟฟ์เก็บไว้ ส่วนพวกที่อายุมากกว่านั้นยังพอศึกษาจากฟอสซิลได้” – Shai Meiri หนึ่งในผู้ร่วมวิจัยกล่าว
นกที่กำลังสูญพันธุ์
นักวิจัยได้บันทึกระยะทางการบิน ความสามารถในการบินและขนาดของนกแต่ละชนิดไว้ จากนั้นก็จะจำลองฝูงนกชนิดที่สูญพันธุ์ไปแล้วกับนกที่ยังหลงเหลืออยู่ และประเมินผลกระทบของมวลกาย และความสามารถในการบิน
จากการทดลอง พวกเขาสามารถระบุรายชื่อนก 469 ชนิดที่สูญพันธุ์ไปแล้วในช่วง 50,000 ปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาเชื่อว่ามีสูงกว่านี้มาก การสูญพันธุ์มีสาเหตุหลักๆ จากมนุษย์ และสัตว์ที่มนุษย์พาเข้ามา
สมมติฐานนี้อิงจากที่ว่าซากนกส่วนใหญ่พบในแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์ เห็นได้ชัดว่าเป็นซากของนกที่มนุษย์ใช้เป็นอาหาร นอกจากนี้หลายครั้งการสูญพันธุ์เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ หลังการมาถึงของมนุษย์ การสูญพันธุ์ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หลายครั้งเกิดในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ซึ่งมีลักษณะร่วมกันหลายอย่าง โดยที่มีมนุษย์เป็นตัวเร่ง
นกที่สูญพันธุ์ไปแล้ว 90% เป็นนกที่อยู่บนเกาะ เมื่อมนุษย์ไปถึงก็จะล่าพวกมัน หรือตกเป็นเหยื่อสัตว์อื่นที่มนุษย์นำมาด้วย นกส่วนมากที่สูญพันธุ์มีขนาดใหญ่ ซึ่งมักมีขนาดใหญ่กว่านกที่ยังมีชีวิตอยู่ถึง 10 เท่า
ส่วนมากนกพวกนี้บินไม่ได้และไม่สามารถหนีได้ทัน นกที่บินไม่ได้มีอัตตราการสูญพันธุ์มากกว่านกที่บินได้ถึงสองเท่า โดยรวมแล้วนกที่บินไม่ได้ถึง 68% ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว เช่น นกช้าง, นกโมอา และนกโดโด
“ก่อนการสูญพันธุ์ในช่วงพันปีที่ผ่านมา นกยักษ์และนกที่บินไม่ได้จำนวนมากอาศัยอยู่บนโลกของเรา และนกที่อยู่บนเกาะมีความหลากหลายมากกว่าในปัจจุบัน เราหวังว่าการค้นพบของเราสามารถใช้เป็นสัญญาณเตือนถึงการสูญพันธุ์ของนกที่ยังเหลืออยู่ได้ในขณะนี้” Meiri กล่าวปิดท้าย