รู้หรือไม่ว่ามี ‘เต่าทะเลพิษ’ ที่เป็นเหตุให้คนตายนับร้อย

เชื่อว่าหลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า ในโลกนี้จะมีเต่าทะเลที่มีพิษถึงตายอยู่ด้วย แถมพิษของมันยังไม่มียารักษาและติดต่อได้อีก แต่เต่าทะเลมีพิษพวกนี้ ไม่ได้สร้างพิษขึ้นได้มาเอง มันเป็นการสะสมพิษเอาไว้ในร่างกาย จริงๆ มันก็คล้ายกับปลาพาฝันที่ผมเคยเล่าให้ฟัง เพียงแต่ปลาพาฝันไม่ได้เล่นถึงตายแบบเต่าทะเลที่กำลังจะพูดถึง

เต่าทะเลพิษ คืออะไร?

Advertisements

ก็เป็นอย่างที่บอกเอาไว้ในตอนต้นว่า เต่าทะเลที่เป็นพิษพวกนี้ไม่ได้ผลิตพิษขึ้นมาเองได้ แต่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่พวกมันอาศัยอยู่ โดยตามรายงาน เต่าทะเลที่จะกลายเป็นเต่าพิษได้จะมีอยู่ 4 ชนิดคือ เต่ากระ (Hawksbill turtle), เต่าตนุ (Green turtle), เต่าหัวค้อน (Loggerhead Turtle) และ เต่ามะเฟือง (Leatherback Turtle) และยังเคยพบในตะพาบหัวกบลาย (New Guinea giant softshell turtle) ซึ่งพบบนเกาะนิวกินี, นิวกินีตะวันตก, ปาปัวนิวกินี และทางตอนเหนือของออสเตรเลีย

ทั้งนี้เต่าทะเลทั้ง 4 ชนิด สามารถพบได้ในประเทศไทย และหากถามว่าเคยมีคนไทยกินเต่าทะเลแล้วตายหรือไม่? คำตอบคือมีแน่นอน อย่างเมื่อปี พ.ศ. 2554 ที่จังหวัดภูเก็ต มี 48 คนที่ป่วยหลังกินเต่าทะเล และเสียชีวิตไป 3 คน

ประเด็นคือเมื่อกินเต่าทะเลเข้าไปแล้วติดพิษหรือติดเชื้อมา และอาจไม่แสดงอาการ พิษของเต่าทะเลสามารถส่งต่อกับคนอื่นหรือแม้แต่สัตว์ชนิดอื่นได้ โดยผ่านการกินของเหลวของผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะเด็กทารกที่ต้องดูดนมแม่

โดยพิษจากเต่าทะเลจะถูกเรียกว่า ชิโลนิท็อกซิซึม (Chelonitoxism) มันเป็นพิษที่พบได้ในเต่าทะเลที่ปนเปื้อน ความจริงมันคล้ายกับอาการของอาหารเป็นพิษ เพียงแต่พิษที่ว่านี้ไม่สามารถทำลายด้วยความร้อนได้ และยังไม่มียารักษา แถมติดต่อได้อีก ทำได้เพียงรักษาตามอาการ

ทำไมเต่าทะเลจึงเป็นพิษขึ้นมาได้

มันคล้ายกับปลาบางชนิดในทะเล แต่เพราะเต่าพวกนี้กินแทบทุกอย่าง มันรับเอาพิษจากสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน พิษจากหอย พิษจากปลา จากฟองน้ำ และเต่าทะเลก็ต่างจากปลาทะเลตัวเล็กๆ พวกมันอายุยืน ตัวใหญ่จึงสามารถบรรทุกโลหะหนักในปริมาณที่เป็นอันตรายถึงตายได้

โดยจากการศึกษามักจะพบ แคดเมียมและปรอท หรือแม้แต่ดีดีทีในเนื้อของเต่า และเมื่อเวลาผ่านไปสุดท้ายร่างกายของเต่าจะมีพิษที่ทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า ชิโลนิท็อกซิซึม (Chelonitoxism) ซึ่งจะรอคอยให้คนกินเนื้อของมันเข้าไป

สำหรับชิโลนิท็อกซิซึม (Chelonitoxism) จัดเป็นเชื้อที่หาได้ยาก ที่มักจะพบในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และนิวกินี รวมถึงทางตอนใต้ของเอเชียใต้

ตามข้อมูลได้ระบุเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเอาเต่าไปปรุงสุก ต้มในซุบ ผัดหรือกินดิบๆ เนื้อเต่าก็ยังเป็นพิษอยู่ดี และยังเป็นพิษในทุกส่วนอีกด้วย และสำหรับอาการหลังจากกินเต่าพิษเข้าไปคือ ภายในสองหรือสามวันจะเกิดอาการคันและเจ็บในปากและคอ จากนั้นจะอาเจียนและปวดท้อง อาจมีแผลในปากและลิ้น บางรายอาจมีความผิดปกติทางระบบประสาท เช่น สับสน ชัก หรือโคม่า ผู้รอดชีวิตอาจมีความพิการถาวรรวมทั้งเป็นอัมพาต และอาจเสียชีวิตได้ในกรณีที่ได้รับสารพิษในปริมาณมาก

Advertisements

เด็กจะมีความความอ่อนไหวต่อพิษประเภทนี้เป็นพิเศษ และพิษสามารถผ่านจากแม่สู่ทารกได้ทางน้ำนม สัตว์เลี้ยงยังเสียชีวิตได้หลังจากกินเนื้อเต่าทะเลที่ปนเปื้อนหรือแม้แต่กินอาเจียนของมนุษย์ที่ติดเชื้อ

และเพราะอาการของชิโลนิท็อกซิซึม จะมีความคล้ายกับอาการอาหารเป็นพิษบางประเภท การวินิจฉัยโรคทั่วไป จะเป็นเรื่องยากที่จะระบุให้ถูกต้อง และเพราะคนที่โดนพิษชนิดนี้มักจะไม่กล้าบอกความจริงที่ว่าได้กินเต่าไป เนื่องจากกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการบริโภคเนื้อเต่าอย่างผิดกฎหมาย ด้วยเหตุหากผู้ติดเชื้อไม่เจียนตายก็จะไม่เข้าโรงพยาบาล จึงเป็นเหตุให้มีอัตราการเสียชีวิตที่สูง

การเสียชีวิตจากเต่าทะเลพิษในยุคปัจจุบันยังมีอยู่หรือไม่?

แน่นอนว่ามีและมีเยอะด้วย อย่างเมื่อหลายปีก่อนเฉพาะทางตอนเหนือและตะวันตกของศรีลังกา มีบันทึกผู้เสียชีวิต 89 ราย จากการกินเต่าทะเลเข้าไป ส่วนในปี พ.ศ. 2564 (2021) มีผู้เสียชีวิต 7 คน และอีก 38 คนได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าห้องไอซียู หลังกินเต่าทะเลบริเวณหมู่เกาะในประเทศแทนซาเนีย

และก่อนหน้าเหตุการณ์นี้เพียงไม่กี่เดือน ในมาดากัสการ์ มีผู้เสียชีวิต 19 คน ซึ่งเป็นเด็ก 9 คน หลังจากกินเนื้อเต่า ตามรายงานยังมีผู้ป่วยในอินโดนีเซีย ไมโครนีเซีย และหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดียของประเทศอินเดีย

และสำหรับวิธีป้องกันพิษจากเต่าเหล่านี้คือ ทางที่ดีไม่ควรกินเนื้อเต่าทะเลทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการปรุงสุกหรือกินดิบก็ตาม …เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายในหลายๆ ประเทศแล้ว ยังเสี่ยงเจอเต่าพิษอีกด้วย

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements
Advertisements