สลอธยักษ์อาศัยอยู่ในยุคควอเทอร์นารี เมื่อประมาณ 1.8 ล้านปีก่อนจนถึง 12,000 ปี ก่อนคริสตกาล สลอธยักษ์เชื่อว่าเป็นสัตว์กินพืชเหมือนญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม มีการคาดการว่า มันอาจจะกินเนื้อเป็นบางครั้งเพื่อเสริมสารอาหารในร่างกาย การค้นพบครั้งนี้จะเปลี่ยนความเข้าใจที่มีเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในอเมริกาใต้ยุคโบราณรวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในช่วงเวลานั้น
ดร.Julia Tejada ผู้เขียนงานวิจัยชิ้นใหม่นี้ กล่าวว่า สลอธเป็นส่วนประกอบสำคัญต่อระบบนิเวศในอเมริกาใต้ตลอด 34 ล้านปีที่ผ่านมา จากการวิจัยครั้งใหม่นี้ทำให้ต้องมีการประเมินโครงสร้างทางระบบนิเวศวิทยาของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอเมริกาใต้ใหม่อีกครั้ง
Maria Zicos นักศึกษาระดับปริญญาเอกที่พิพิธภัณฑ์ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับสลอธยักษ์ กล่าวว่าการศึกษานี้น่าสนใจอย่างมาก “เหล่านักวิจัยทำงานอย่างหนักเพื่อยืนยันข้อสันนิฐานของพวกเขา เพื่อให้ได้รับการสนับสนุน ฉันรู้สึกประทับใจมาก”
ยักษ์ใหญ่ผู้อ่อนโยน
สลอธยักษ์เป็นกลุ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเป็นเวลาหลายล้านปี พบตั้งแต่อลาสกาไปจนถึงอาร์เจนตินา สลอธยักษ์ชนิดสุดท้ายตายไปเมื่อ 10,000 ปีก่อน เนื่องจากสภาพอากาศและการล่าของมนุษย์
การล่าพวกมันไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมันเคลื่อนที่ช้าและมีน้ำหนักที่มาก ถึงแม้สลอธบกของดาร์วินจะเล็กกว่าญาติของมัน แต่มันก็มีน้ำหนักมากถึงสองตัน มันอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย อย่างเช่น อาร์เจนตินา โบลิเวีย อุรุกวัยและบราซิล พวกมันน่าจะรับมือกับสภาพแวดล้อมที่หลากหลายได้ แต่เราไม่แน่ใจว่าพวกมันจัดการกับความหนาวเย็นอย่างไร เราพอทราบว่ามันมีขนยาว แต่ในส่วนระบบเผาผลาญนั้นเรายังไม่รู้
จากการวิเคราะห์ฟันและมูลที่พบทำให้รู้ว่ามันเป็นสัตว์กินพืช แต่เช่นเดียวกับสลอธในยุคปัจจุบันที่พวกมันกินแมลงเป็นบางครั้ง นักวิจัยเชื่อว่าสลอธบกยักษ์อาจจะกินซากสัตว์ที่เหลือทิ้งจากพวกเสือเขี้ยวดาบและหมาป่าด้วยเช่นกัน
เพื่อประเมินสิ่งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้รวบรวมตัวอย่างขนจากซากของสลอธ 2 สายพันธุ์ที่เก็บรักษาไว้ ได้แก่ Nothrotheriops และ M. darwinii รวมถึงตัวอย่างจากสลอธที่มีชีวิตและสัตว์กินพืชชนิดอื่น เช่น โคอาที (Coati) ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีลักษณะคล้ายแรคคูนจากอเมริกาใต้ จากตัวอย่างเหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์สามารถดูไอโซโทปต่างๆ ของไนโตรเจนที่พบในกรดอะมิโน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน
ปริมาณของไอโซโทปเหล่านี้ บางส่วนเปลี่ยนแปลงไปตามห่วงโซ่อาหารของสัตว์ โดยสัตว์เหล่านี้มีไอโซโทปเฉพาะจำนวนมาก ซึ่งมักจะอยู่ในห่วงโซ่อาหารสูงกว่า นี่เป็นการเพิ่มความน่าจะเป็นที่สัตว์เหล่านี้จะกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร จากนั้นจึงนำค่าเหล่านี้มาเปรียบเทียบกับสัตว์ที่มีชีวิตเพื่อค้นหาว่าอาหารใดที่เกี่ยวข้องกับค่าไอโซโทปใด จากนั้นจึงนำไปใช้กับ สลอธยักษ์ สิ่งนี้ทำให้นักวิจัยเข้าใจมากขึ้นว่าสลอธที่สูญพันธุ์ไปแล้วกินอะไร
ดร. John Flynn ผู้ร่วมเขียนบทความกล่าวว่า วิธีการก่อนหน้านี้อาศัยการวิเคราะห์ไนโตรเจนและสูตรที่ซับซ้อนจำนวนมาก ซึ่งมีสมมติฐานที่ยังไม่ได้ทดสอบหรือสนับสนุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “วิธีการวิเคราะห์และผลลัพธ์ของเรา แสดงให้เห็นว่าข้อสรุปก่อนหน้านี้จำนวนมากที่เกี่ยวกับระดับโภชนาการได้รับการสนับสนุนอย่างไม่ดีเท่าที่ควร หรือผิดอย่างชัดเจนและทำให้เข้าใจผิด”
ความยืดหยุ่นทางอาหารครั้งแรกของสัตว์กินพืช?
ผลการทดสอบพบว่า สลอธยักษ์ตระกูล Nothrotheriops เป็นพวกกินพืช แต่ M.darwinii เป็นพวกที่กินทั้งพืชและสัตว์เหมือนตัวโคอาที ..จากการวิเคราะห์มูลที่เก็บไว้ พบว่าสล็อธของดาร์วินอาจจะเป็นสัตว์กินซากเหมือนไฮยีน่า เพราะไม่เจอเศษกระดูกในมูลของมัน มันอาจจะกินซากที่นักล่าทิ้งไว้เท่านั้น
การค้นพบนี้เป็นส่วนหนึ่งของการอธิบายความลึกลับบางอย่าง ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์งงงวยเกี่ยวกับความเฉื่อยชาของสลอธยักษ์ดาร์วิน ตัวอย่างเช่น ฟันของมันมีพื้นที่ผิวสำหรับเคี้ยวที่เล็กกว่าที่คาดไว้สำหรับสัตว์กินพืชที่มีขนาดเท่ากัน และคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้พวกมันมีปัญหาในการรับสารอาหารด้วย
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะว่า เนื่องจากลำไส้ของมันประกอบด้วยมวลเพียงหนึ่งในสี่ของมวลตัวมันเอง มันจึงสูญเสียน้ำจากอาหารของมันไปมากเกินกว่าที่มันจะได้รับ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างเหล่านี้อาจอธิบายได้ หากสลอธกินอาหารที่มีพลังงานมากกว่า เช่น เนื้อสัตว์และไข่ อาหารเหล่านี้ย่อยง่ายกว่าพืช ดังนั้นจึงทำให้พวกมันขาดพลังงานและน้ำได้
“ไม่ว่าจะเป็นสัตว์กินของเน่าหรือผู้ฉวยโอกาสจากสัตว์” Julia กล่าว “แต่ตอนนี้เรามีหลักฐานที่ขัดแย้งกับข้อสันนิษฐานที่มีมายาวนานว่า สลอธทั้งหมดเป็นสัตว์กินพืชเป็นอาหาร”
การค้นพบของพวกเขายังช่วยอธิบายการขาดแคลนสัตว์กินเนื้อ ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในซากดึกดำบรรพ์ของอเมริกาใต้ โดยสังเกตว่าสลอธยักษ์อาจทำหน้าที่บางอย่างได้ นอกจากนี้ยังอาจให้เบาะแสเพิ่มเติมว่า สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไรในขณะนั้น เนื่องจากสลอธยักษ์ที่กินพืชเป็นอาหารมีจำนวนน้อยกว่าจะทำให้พืชสามารถเติบโตได้หลากหลายขึ้น
นักวิจัยหวังว่าจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับนิสัยการกินของสลอธตัวอื่นๆ เพื่อเติมเต็มช่องว่างความรู้นี้ และสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในอเมริกาใต้เมื่อกว่า 10,000 ปีที่แล้ว