ผลการวิจัยใหม่จากมหาวิทยาลัยเมอร์ด็อค ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายอีกประการหนึ่งในชะตากรรมของปลาน้ำจืดที่อยู่ในสถานะเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์อย่าง “ปลาฉนาก (Pristis pristis)” ปลาโบราณที่กำเนิดมากว่า 100 ล้านปีตั้งแต่ยุคครีเตเชียส ที่ไดโนเสาร์ยังมีชีวิตอยู่ และมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปร่างมากนักจากในอดีต
“สำหรับปลาฉนากที่มีความยาวประมาณ 80 เซนติเมตร (ช่วงแรกเกิด) มันมาพร้อมอาวุธที่น่าเกรงขาม จนทำให้เราสันนิษฐานว่า ปลาชนิดนี้จะมีอัตราการถูกล่าตามธรรมชาติที่ต่ำ” รองศาสตราจารย์เดวิด มอร์แกน หัวหน้าทีมวิจัยกล่าว
อย่างไรก็ตามนักวิจัยกลับพบว่า ปลาฉนากมากกว่าร้อยละ 50 ที่พวกเขาจับได้ มีหลักฐานว่าถูกโจมตีจากสัตว์นักล่า ซึ่งอาจเกิดจากปลาฉลามหัวบาตร (Bull shark) และจระเข้น้ำจืดออสเตเรีย (Australian freshwater crocodile)
“น่าเสียดายที่ไม่สามารถคำนวณได้ว่ามีการกินหรือฆ่าลูกปลาฉนากไปกี่ตัว แต่เรารู้จากรอยแผลเป็นของปลาฉนากที่รอดตายว่า พวกมันจำนวนมากถูกโจมตี” เดวิดกล่าว ..การวิจัยก่อนหน้านี้โดยทีมงานของเดวิด ระบุว่าปลาน้ำจืดเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญสำหรับฉลามและจระเข้น้ำจืด
ลูกปลาฉนากจะเกิดบริเวณปากแม่น้ำ ซึ่งแม่น้ำบรรจบกับมหาสมุทร จากนั้นปลาฉนากวัยหนุ่มสาวจะต้องเดินทางต่อไป มันไปตอนล่างของแม่น้ำที่มีจระเข้น้ำเค็มและฉลามหัวบาตรมากที่สุด .. จากนั้นพวกมันจะเข้าไปในแอ่งต้นน้ำที่มีจระเข้น้ำจืดอาศัยอยู่มากมาย แต่ถ้าพวกมันโตเร็วพอ พวกมันก็จะสามารถหนีออกจากการล่านี้ได้
หลังจากใช้เวลา 4 – 5 ปี ในแอ่งต้นน้ำที่มีจระเข้น้ำจืด ปลาฉนากที่โตแล้วจะกลับไปที่ปากแม่น้ำเพื่อผสมพันธุ์ โดยจุดนี้พวกมันสามารถวัดความยาวได้ถึง 2.6 เมตร ซึ่งใหญ่พอที่จะเป็นนักล่าอันดับต้นในเขตนั้นได้
ตอนนี้เรารู้ว่าปลาฉนากตัวเล็กถูกจระเข้และปลาฉลามกิน เราไม่เคยรู้ถึงขอบเขตของการปล้นสะดมนี้ แต่การศึกษานี้ให้ความเข้าใจอันมีค่ากับเรามากขึ้น ต่อไปเราอาจจัดการประชากรสัตว์เหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น