ความประหลาดของตำนาน
โคอาล่าสายพันธุ์นักฆ่า มันถูกเรียกว่า “ดรอปแบร์ (Dropbear)” มันมีแม้แต่ชื่อวิทยาศาสตร์ Thylarctos plummetus ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องราวที่แทบจะไม่มีความจริงอยู่ กลับทำให้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างกลัว
ตำนานนี้ไม่สามารถสืบต้นกำเนิดได้ ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับงานเขียนใดๆ เช่น เอกสารอ้างอิงที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบโดยหอสมุดแห่งชาติออสเตรเลียก็ไม่มีเรื่องนี้บันทึกเอาไว้
คำว่า Drop Bear ปรากฏครั้งแรกในปี 1982
สิ่งที่เรารู้คือคำว่า “Drop Bear” ไม่เคยปรากฏในบันทึกที่ไหน จนหนังสือพิมพ์ (ออสเตรเลีย) ปี 1982 มีการเผยแพร่ข้อความต่อไปนี้ใน The Canberra Times วันที่ 31 กรกฎาคม 1982 “TAM – Beware of drop bears in the future, for sure, totally love Clint (Tam-ระวังหมีตกในอนาคต, แน่นอน, รักคลินท์ที่สุด” ข้อความนี้แปลกๆ หรือจะเป็นรหัสลับหรือเปล่า …กดเพื่อดูหน้าหนังสือพิมพ์ดังกล่าว
ใครคือ TAM และ Clint? เรื่องนี้เราอาจไม่มีวันรู้ บางที TAM อาจตกเป็นเหยื่อของการเล่นตลกของกองทัพที่บางครั้งอาจเล่นตลกกับนักเรียนนายร้อยใหม่ หรือบางทีอาจเป็นแฟนเพลงของ The Drop Bears ที่ก่อตั้งที่ซิดนีย์เมื่อ 1 ปีก่อน ข้อความนี้จะปรากฏขึ้น
แม้ว่าคำว่า ‘Drop Bear’ จะไม่ถูกตีพิมพ์ก่อนช่วงต้นทศวรรษ 1980 แต่ก็มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่ารากฐานของตำนานดังกล่าวอาจได้รับการจัดตั้งขึ้นอย่างน้อย 50 ปีก่อนหน้านี้
“เรื่องราวจินตนาการมากมายที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ในช่วง 1920 – 1930 อธิบายถึงการโจมตีและการโต้ตอบที่ก้าวร้าวของโคอาล่ากับผู้คน”
โฆษกกระทรวงกลาโหมของรัฐบาลออสเตรเลียกล่าว “เป็นไปได้ว่าเรื่องราวเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเติบโตเต็มที่ในปี 1970 – 1980 หลังจากนั้นคำว่า Drop bear ก็แพร่หลายมากขึ้น”
นอกจากนี้ยังมีบทความมากมายจากปี 1946 รวมถึงรายงานที่พบในหนังสือพิมพ์พม่าที่ควบคุมโดยญี่ปุ่น กล่าวถึงการโจมตีที่ค่ายเชลยศึกในออสเตรเลียซึ่งถือเชลยศึกของญี่ปุ่นโดยโคอาล่าที่ดุร้ายและป่าเถื่อนจำนวนหนึ่งจริงๆ! .. กดเพื่ออ่านรายงาน
ความจริงเรื่องของ Drop Bear ยังมีปรากฎในภาพยนตร์เรื่องอินเดียน่าโจนส์เป็นขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า (1981) มันเป็นความน่าสะพรึงกลัวของพุ่มไม้ในออสเตรเลีย “ถูกโคอาล่าและฆ่าอย่างเงียบๆ”
โดยไม่คำนึงถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงของเรื่องนี้ ยังไงซะมันก็ได้รับการแพร่กระจายไปในสื่อดิจิทัลและโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน Drop Bear ยังมีอนาคตที่สดใส ตามคำกล่าวของผู้เขียนเรื่อง Man-Eating Teddy Bears of the Scrub: Exploring the Australian Drop Bear Urban Legend
“เจ้าหมีตัวนี้ได้เข้ามาอยู่ในวงจรของตำนานดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต มันได้กลายเป็นหนึ่งในโดเมนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการเผยแพร่ตำนานเมืองนี้”