ทางการฟิลิปินส์ได้ยึดเปลือกหอยที่หายากไว้ได้ถึง 133,000 ตันตั้งแต่ปี 2016 ตามรายงานของคณะกรรมการยุติการค้าสัตว์ป่า (WJC) ทั้งนี้หอยส่วนใหญ่มาจากการยึดคลังสินค้าในปี 2019 ที่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ มันมีน้ำหนักรวมมากถึง 132,000 ตัน
การจับกุมล่าสุดทำให้เกิดคำถามว่าการห้ามค้างาช้างในจีนเมื่อปี 2017 ส่งผลให้เกิดความต้องการหาวัสดุทดแทนงาช้าง ซึ่งผลลัพธ์อาจจะมาลงเอยที่หอยมือเสือยักษ์พวกนี้
Olivia Swaak-Goldman กรรมธิการบริหารของ WJC กล่าวว่า “เราทราบดีถึงความเชื่อมโยงของทั้งสองอย่าง และมันยังถูกค้าโดยมนุษย์ นอกจากนี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมายังมีงาของวาฬนาร์วาล ปากของนกเงือก แม้แต่งาของแมมมอธ” และในรายงานนี้ยังพบว่าการลักลอบค้าขายงาช้างแมมมอธเพิ่มขึ้นตั้งแต่การห้ามค้างาช้างของจีน
“หอยมือเสือยักษ์ได้รับการคุ้มครองโดยกฏหมายระดับประเทศในทะเลที่พวกมันอาศัยอยู่ และมันยังอยู่ในรายชื่อสนธิสัญญาไซเตส (CITES) อีกด้วย”
แม้ตอนนี้ราชาแห่งหอย หรืออีกชื่อทองคำขาวแห่งท้องทะเลจะกลายเป็นสิ่งที่หายาก แต่การล่าโดยมนุษย์ก็ยังมีอยู่ต่อ หอยบางชนิดได้หายไปจากบ้างพื้นที่แล้วเช่น Tridancna gigas เริ่มหายไปจากบางพื้นที่ของฟิลิปปินส์ และหอยยักษ์ชนิดอื่นกำลังเจอชะตาเดียวกัน
รายงานจาก WJC ประเมินว่ามูลค่าเปลือกหอยที่ยึดได้ในฟิลิปปินส์นั้นน่าจะมีมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ ทางการฟิลิปปินส์คิดว่าเปลือกหอยถูกส่งไปจีนทางเรือ และจากปริมาณที่มากแสดงว่าอาจจะมีกลุ่มอาชญากรหนุนหลังด้วย
จากปริมารถหอยที่ยึดมาได้ในรอบ 5 ปี ร้อยละ 99 มาจากที่ฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม จีนได้บันทึกการจับกุมรายบุคคลเพิ่มขึ้น อย่างน้อย 46 ครั้งจากปี 2016 ถึง 2021 แต่อย่างไรก็ตามมันอาจจะเป็นเพียงปลายภูเขาน้ำแข็ง
ยังไม่ชัดเจนว่าการระบาดของโควิด-19 จะมีผลกระทบต่อการค้าชิ้นส่วนสัตว์อย่างไร แต่จากรายงานพบว่าการจับกุมการค้าสัตว์ป่าผิดกฏหมายลดลงในปี 2020 ส่วนหนึ่งมาจากการส่งสินค้าที่ยากกว่าเดิม ทั้งถูกและผิดกฏหมาย แต่จากการยึดหอยในปี 2019 แสดงว่ามันสะสมมานาน มีความเป็นไปได้ว่าชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด อาจจะเปลี่ยนไปลักลอบค้าหอย
เปลือกหอยหยก
การซื้อขายหอยมักเกิดในร้านค้า แต่งานแกะสลักบางส่วนจะขายทางออนไลน์ อย่างเช่นใน Wechat ผู้ขายจะเปลี่ยนคำอธิบายอย่างต่อเนื่องเพื่อเลี่ยงการกรองคำ บางครั้งก็ใช้คำต่างๆ เช่น “เปลือกเหมือนหยก” และยังมีการใช้ข้อความเสียงอีกด้วย
เท่าที่ทราบพวกลักลอบล่าจะมุ่งไปยังหอยที่มีชีวิตหรือที่เป็นฟอสซิลไปแล้ว ทั้งสองแบบนี้มีความสำคัญต่อความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ มันยังเป็นตัวช่วยกรองน้ำและสารพิษด้วย การล่าหอยพวกเขาจะใช้ปั๊มน้ำแรงๆ ในการดูดพวกมันขึ้นมา และวิธีนี้ยังทำให้การตรวจจับยากกว่าเดิม
นอกจากจะสร้างความเสียหายแล้ว ยังส่งผลกับระบบนิเวศด้วยเนื่องจากทำให้เกิดตะกอนไปเกาะติดกับปะการังและสัตว์ทะเลอื่นๆ ซึ่งอาจจะไปปิดบังแสงด้วย
หอยมือเสือยักษ์ อาจจะไม่ใช่สัตว์ที่น่ารักหรือน่ากอด แต่อาชญากรรมเหล่านี้อาจจะต้องการดำเนินการและการวิจัยเพิ่มเติม หลังจากแนวปะการังทั่วโลกถูกคุกคามจากภาวะโลกร้อน ทำให้ทะเลมีความเป็นกรด เป็นอีกภัยคุกคามที่ทำให้พวกมันไม่รอด