ต้นเบาบับคืออะไร?
เบาบับ (baobab) หรือ อแดนโซเนีย ดิจิตัลตา (Adansonia digitata) เป็นไม้ยืนต้นที่โคนบวมพองออก มองคล้ายขวดแชมเปญ ซึ่งใช้สะสมน้ำ กิ่งก้านสาขาบิดเบี้ยวไปมา ทรงคล้ายราก ชาวแอฟริกาเชื่อว่าต้นไม้ชนิดนี้ถูกพระเจ้าสาปแช่ง จึงต้องเอารากชี้ฟ้า และทำให้เป็นที่รู้จักในอีกชื่อว่า “ต้นไม้กลับหัว”
ในไทยเองก็มีคนนำเอาเบาบับมาปลูกเช่นกัน แน่นอนว่า หน้าตามันจะต่างจากที่ปลูกในแอฟริกา อาจเพราะในไทยดินดี น้ำดี เบาบับจึงมีใบเยอะและมันก็ไม่ค่อยจะอ้วนบวมเหมือนกันถิ่นกำเนิดของมัน ซึ่งก็คือ ทวีปแอฟริกา ในบริเวณที่ร้อนแล้งหรือทุ่งหญ้าสะวันนา ทั้งนี้บาวบาบถือเป็นพืชสมุนไพรในแอฟริกา ผลมีแคลเซียมมากกว่าผักโขม มีสารต้านอนุมูลอิสระ และมีวิตามินซีมากกว่าส้ม
เป็นต้นไม้ที่มีอัตราการเจริญเติบโตขึ้นอยู่กับน้ำใต้ดิน หรือปริมาณน้ำฝน ส่วนอายุสูงสุดของมันไม่เป็นที่แน่ชัด แต่คาดว่าจะอยู่ได้ประมาณ 1,500 ปี แม้ต้นไม้ชนิดนี้จะดูน่ากลัวหรือมีตำนานความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แต่สำหรับคนในพื้นที่มันคือ “ต้นไม้สารพัดประโยชน์” เนื่องจากเป็นแหล่งอาหาร น้ำ ยา หรือที่พักพิง
โดยปกติแล้ว เบาบับมักจะเติบโตแบบโดดเดี่ยว แต่ก็ใหญ่โตและโดดเด่น โดยเฉพาะในทุ่งหญ้าสะวันนา เบาบับเป็นต้นไม้ผลัดใบ ใบไม้จะร่วงในฤดูแล้ง และไม่มีใบเป็นเวลานานถึงแปดเดือน
ความต้องการผลเบาบับ?
เนื่องจากผลของเบาบับเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก มีสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ มีวิตามินอี และมีสารประกอบจากพืชบางชนิดที่ออกฤทธิ์ต้านการติดเชื้อ และต้านอนุมูลอิสระ …ความจริงมันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ โปรตีน และยังมีสารประกอบที่ช่วยบำบัดการเจ็บป่วย ซึ่งเมื่อเอามารวมกันแล้วก็ทำให้กลายซูเปอร์ฟรุตที่น่าทึ่งมาก
ความต้องการผลเบาบับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดย ซาราห์ เวนเตอร์ (Sarah Venter) นักนิเวศวิทยา ซึ่งเปิดบริษัทอีโคโปรดักส์ (Ecoproducts) ที่สนับสนุนให้ผู้หญิงในแอฟริกาใต้ มีรายได้จากการดูแลต้นเบาบับ หรือที่รู้จักกันว่า “ผู้พิทักษ์ต้นเบาบับ”
พวกเขาเผยข้อมูลว่า ความต้องการผงเบาบับซึ่งได้จากเม็ดเบาบับนั้นเพิ่มมากขึ้นทุกปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 (2003) โดยมีตลาดใหญ่อยู่ที่ยุโรป สหรัฐฯ และแคนาดา
โดยเฉพาะผงแห้งๆ ที่สกัดจากเม็ดเบาบับจะเป็นที่ต้องการสูงมาก มันถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่เติมกลิ่นในเครื่องดื่มอัดลม ไอศครีม ช๊อกโกแลต ไปจนถึงเหล้าจีนและเครื่องสำอาง
ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ จะส่งผลดีจนส่งต่อไปถึงผู้พิทักษ์ต้นเบาบับ ซึ่งจะได้รับค่าตอบแทนในการดูแลต้นไม้มหัศจรรย์นี้ ตามความสูงของต้นไม้ที่เพิ่มขึ้น โดยได้รับค่าตอบแทนเซ็นติเมตรละกว่า 600 บาท และพวกเธอจะได้รับค่าตอบแทนไปเรื่อยๆ จนกว่าต้นเบาบับจะสูงถึง 3 เมตร และจะได้รับจากการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งหลังจากนั้นต้นไม้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกอย่างน้อย 1,000 ปี
คนท้องถิ่นใช้ต้นเบาบับเป็นถังกักเก็บน้ำ
ต้นเบาบับขนาดใหญ่ จะถูกใช้เพื่อเป็นถังกักเก็บน้ำตามธรรมชาติ โดยในมาดากัสการ์ที่ซึ่งมีฝนตกปีล่ะไม่กี่ครั้ง แถมดินยังมีรูพรุนที่สูง ไม่มีแม่น้ำ ไม่มีทะเลสาบหรือผิวดินที่สามารถกักเก็บน้ำเอาไว้ได้นาน ด้วยเหตุนี้ต้นเบาบับจึงเป็นตัวเลือกที่จะช่วยกักเก็บน้ำได้
ความพิเศษของต้นเบาบับ เมื่อถูกใช้เป็นถังกักเก็บน้ำคือ สามารถรักษาความสดของน้ำ น้ำไม่เน่าหรือระเหยออกไปง่ายๆ ความจริงมันทำให้น้ำสะอาดขึ้นด้วยซ้ำ โดยต้นเบาบับขนาดใหญ่ สามารถกักเก็บน้ำได้มากถึง 14,000 ลิตร และเพื่อให้เก็บน้ำได้มากขึ้น ที่ใจกลางต้นไม้จะถูกคว้านออก และแต่ล่ะครอบครัวก็มีหน้าที่ปกป้องต้นไม้ของตนเอง
โดยต้นไม้ที่คว้านจะต้องมีอายุ 300 – 1,000 ปี เมื่อคว้านเสร็จแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องเติมน้ำลงไป และแม้น้ำจะเพิ่มขึ้นได้จากปริมาณฝน แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการใช้งานอยู่ดี พวกเขาจึงจำเป็นต้องคอยหาแหล่งน้ำเติมเข้าไปให้ได้มากที่สุด
แต่ถึงอย่างงั้นในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี ชาวบ้านจะต้องเดินทางด้วยเกวียน 18 ชั่วโมง เพื่อไปซื้อน้ำในหมู่บ้านใกล้ๆ และในช่วงเวลานี้เอง ที่จะใช้น้ำเพื่อล้างตัวได้เดือนละครั้ง ..พวกเขาต้องประหยัดน้ำอย่างที่สุด และถึงแม้จะลำบากมากขนาดนี้ แต่หากไม่มีต้นเบาบับ พวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่แถบนี้ไม่ได้เลย