เบทคาสติ้ง ตีแล้วฟู่ โทษรอกหรือโทษตัวเอง

ตีแล้วฟู่บ่อยๆ น้าโทษอะไรกันระหว่างรอกหรือตัวเองน้าเอง แน่นอนว่ารอกมีส่วน แต่บอกได้เลยว่าหากน้าโทษรอก น้าจะไม่สามารถพัฒนาฝีมือการใช้อุปกรณ์เบทคลาติ้งได้ เพราะอะไรน่ะเหรอ..? ก็เพราะว่าน้าคิดว่ามีฝีมือดีมากพอแล้ว จึงไม่คิดฝึกเพิ่มเติม จริงๆ แล้วที่ผ่านมาเวลาผมออกไปตกปลาตามที่ต่างๆ ก็มักจะเห็นน้าหลายๆ คนที่ตีฟู่และยังมองไม่เห็นข้อผิดพลาดพื้นฐาน ซึ่งในเรื่องนี้ผมจะขอเอามาเขียนได้อ่านกัน

วิธีจับเบทคาสติ้งที่ผิด

การจับแบบธรรมดา สำหรับการตี – อัดปลา

อันนี้เป็นวิธีจับที่เหมาะสำหรับเบทคาสติ้งนะครับ สามารถจับแบบนี้ได้ทั้งรอกหยดน้ำและกลม แต่รอกตัวใหญ่มากก็ไม่ไหวนะถ้ามือเล็ก สังเกตตำแหน่งนิ้วโป้งที่จะอยู่ตรงตำแหน่งใกล้สปูนตลอดเวลา จุดนี้จะช่วยให้สามารถควบคุมการหมุน น้าต้องให้ความสำคัญกับ “นิ้วโป้ง” นี้ และฝึกมันให้เป็นธรรมชาติ อัตโนมัติ ในการควบคุม ไปจนถึงอ่านความเร็ว หรือสิ่งผิดปกติต่างๆ ในระหว่างที่สปูนหมุน และใช้มันหยุด หรือลดความเร็วสปูนลง

การจับแบบเกี่ยวรอก

การจับแบบนี้ไม่เหมาะที่จะจับเพื่อตีเหยื่อ แต่เป็นการจับหลังตีแล้วได้ เป็นการจับที่โฟกัสไปที่ตำแหน่งนิ้วชี้ ในการเก็บสายมาอย่างช้าๆ นิ้วชี้อยู่ล่างสาย ซึ่งจะช่วยให้รับรู้ความความรู้สึกได้มากยิ่งขึ้น เพราะนิ้วจะโดนสายโดยตรง และอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมสู้ตลอดเวลาอีกด้วย

สังเกตลมฟ้าอากาศ

ฝึกตีเบาๆ บ่อยๆ จะมือเดียว หรือ สองมือก็ตามใจ

ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยที่การตีด้วยมือข้างเดียว จะเก่งกว่าคนตีด้วยการจับสองมือนะครับ ไม่จำเป็นต้องไปพยายาม การตีเหยื่อปลอมไม่ต้องออกแรงมาก และไม่ต้องตีทั้งแขน หากอธิบายจากคำพูดอาจจะยาก แนะนำให้มองดูคนตีเก่งๆ แล้วทำตาม วิธีการตีถ้าเหยื่อเบาอุปกรณ์เล็กใช้เพียงข้อมือก็ได้ แต่..!! การตีต้องไม่เกิดการกระชาก เพราะการกระชากจะเป็นปัญหาของเบทคาสติ้ง การฝึกไม่จำเป็นต้องฝึกที่บ่อ จะเป็นที่ห้องก็ทำได้ จินตนาการเอาเลย ตีลมไป อยากบอกว่าทำแบบนี้ พอไปเจอของจริง ก็จะทำได้ดีขึ้น

รู้จักอุปกรณ์ของตัวเอง

ขอเป็นหัวข้อสุดท้ายละกัน น้ารู้จักอุปกรณ์ที่ถืออยู่แค่ไหน มันอ่อน มันงอแบบไหน คันน่วมหรือเปล่า..? สายในสปูนมากน้อยแค่ไหน (สายในสปูนน้อย ตีง่าย แต่ระยะก็น้อยลง ) ถ้าจุสายมากเกินไป (ใส่สายจนพูนสปูน) หากพบว่ามากเกินไป ให้เอาออก เพราะจะทำให้ตีฟู่บ่อยมาก

แกะกล่องรีวิว 2019 Shimano Antares 70