ปีที่แล้วนักบรรพชีวินวิทยาได้เปิดเผยหลักฐานหลายชิ้น ซึ่งชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ช่วงเวลาที่ดาวเคราะห์น้อยที่พุ่งชนโลก เป็นฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อนในซีกโลกเหนือ ด้วยความรุนแรงของการชน ได้สร้างหลุมอุกกาบาตชิกซูลูบ และปลดปล่อยการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่
งานวิจัยนี้ใช้ประโยชน์จากแหล่งสะสมของทานิส (Tanis) ใน North Dakota ซึ่งอาจเป็นแหล่งฟอสซิลที่น่าอัศจรรย์ที่สุด เท่าที่เคยพบมา Tanis ซึ่งรวมโครงกระดูกของสัตว์หลายชนิดที่จมโดยคลื่นนิ่ง (Seiche) ของน้ำที่เกิดจากคลื่นไหวสะเทือนจากแรงกระแทก ตามด้วยฝนที่พุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟที่อยู่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร
โดยเอกสารของปีที่แล้วได้เปิดเผยว่า มีปลาที่เพิ่งฟักตัวที่ทานิส พร้อมกับปลาที่มีอายุมากซึ่งกระดูกของพวกมันได้ระบุว่า พวกมันตายในช่วงฤดูการเจริญเติบโต โดยภาพล่างเป็นปลาแพดเดิ้ลฟิชจากทานิส (Paddlefish from Tanis)
Dr Sophie Sanchez จาก Uppsala University และผู้เขียนร่วมได้ให้ความสำคัญกับกระดูกของปลาแพดเดิลฟิช และปลาสเตอร์เจียนของทานิส ปลาเหล่านี้ตายจากวัตถุ Spherules ที่เกิดจากการกระแทกซึ่งติดอยู่ในเหงือก มันบ่งชี้ว่าพวกมันไม่รอดจากความตายวันนั้น “กระดูกเหล่านี้มีการเจริญเติบโตตามฤดูกาล เช่นเดียวกับต้นไม้”
ทีมงานหวังว่าจะใช้ความรู้นี้ เพื่อทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างสามในสี่ของสายพันธุ์ ที่เสียชีวิตในฤดูหนาวหลายปีหลังจากผลกระทบ ซึ่งรวมถึงตัวอย่างที่น่าประหลาดใจ เช่น กบที่รอดชีวิต “การค้นพบที่สำคัญนี้จะช่วยให้เราค้นพบว่า ทำไมไดโนเสาร์ส่วนใหญ่ถึงตาย ในขณะที่นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในยุคแรกสามารถหลบเลี่ยงการสูญพันธุ์ได้”