“แผนที่นี้เป็นของปลอม” Raymond Clemens ภัณฑารักษ์ที่ห้องสมุทร Beinecke Rare Book ของมหาวิทยาลัยเยลกล่าวกับ Yale News และยังกล่าวว่า การวิเคราะห์ใหม่นี้ควรทำให้เรื่องวุ่นวายจบลง
Clemens พร้อมด้วยนักอนุรักษ์ของมหาวิทยาลัยเยล Marie-France Lemay และ Paula Zyats และนักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน Yale’s Institute for the Preservation of Cultural Heritage ได้ทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดกับแผนที่ Vinland ที่พบในปี 1957 ซึ่ง British Museum (พิพิธภัณฑ์บริติช) สงสัยว่าแผนที่นี้เป็นของปลอมและได้ปฏิเสธที่จะซื้อจากตัวแทน จากนั้นในปี 1965 เยลได้รับแผนที่นี้และยังลงข่าวเกี่ยวกับมันด้วย
แผนที่ซึ่งน่าจะย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 15 นั้นเป็นหลักฐานที่สำคัญที่ทำให้เชื่อว่า พวกไวกิ้งพบอเมริกาเหนือก่อนคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ส่วนที่ชัดเจนของแนวชายฝั่งมีป้ายกำกับว่า “Vonlanda Insula” สามารถมองเห็นได้ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะกรีนแลนด์ ทำให้มันเป็นหลักฐานว่าพวกไวกิ้งพบอเมริกามาก่อน
ในปี 1960 ยังมีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีของการตั้งถิ่นฐานของชาวไวกิ้งที่ L’Anse aux Meadows บนเกาะนิวฟาวด์แลนด์ ของแคนาดา ยิ่งเสริมเรื่องนี้มากไปอีก
แผนที่ Vinland ถูกสงสัยว่าเป็นของปลอมจากการเดินทาง นักวิชาการชี้ให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องกับข้อมูลยุคกลาง ในขณะที่ศึกษาในปี 1970 พบว่ามีหมึกพิมพ์สมัยใหม่ สิ่งที่ต้องทำคือการวิเคราะห์อย่างละเอียดที่สุด และตรวจสอบแผ่นหนังจากบนลงล่างด้วยเครื่องมือไฮเทคที่มีอยู่ เช่น X-ray fluorescence spctroscopy (XRF), กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราดภาคสนาม (FE-SEM) และกล้องจุลทรรศน์รามัน และทีมงานสามารถเก็บแผนที่นี้ไว้ได้นานเท่านาน
การวัดด้วยคาร์บอนของแผนที่อยู่ที่ 1400-1460 ซึ่งกระดาษนั้นอยู่ในช่วงเวลาที่ถูกต้อง แต่กับหมึกไม่ใช่อย่างแน่นอน หมึกในยุคกลางใช้หมึกที่มีธาตุเหล็กซัลเฟต ผงน้ำดี และสารยึดเกาะ แต่หมึกที่พบนี้มีธาตุเหล็กหรือกำมะถันเพียงเล็กน้อย แต่มีไททาเนียมจำนวนมากแทน และมันมีอยู่ทั่วทั้งแผนที่
การวิเคราะห์แผนที่จากศตวรรษที่ 15 หลายสิบฉบับเผยให้เห็นถึงระดับไททาเนียมที่ต่ำกว่านี้มาก และมีระดับตะกั่วที่สูง หมึกที่มีไททาเนียมวางจำหน่ายในปี 1920 เป็นไปได้ว่าแผนที่นี้ผลิตขึ้นในนอร์เวย์ปี 1923
หลักฐานอีกอย่างที่อยู่ด้านหลังคือ คำจารึกภาษาละตินพร้อมคำแนะนำที่ปรับเปลี่ยนเกี่ยวกับการดูแผนที่ ซึ่งเป็นต้นฉบับจริงจากศตวรรษที่ 15 สำหรับผู้สร้างที่ไม่รู้จักแผนที่นี้นับว่าเป็นความพยายามที่ทำให้มันดูสมจริงมาก
“คำจารึกพวกนี้เป็นการพยายามทำให้เหมือนว่ามันถูกสร้างในเวลาเดียวกับแผนที่ Speculum Historiale” Clemens กล่าวกับทาง Yale News เป็นหลักฐานที่ว่ามันไม่ได้สร้างจากคนที่ไม่รู้ แต่มีความรู้มากทีเดียว แม้เราจะไม่รู้ว่าใครเป็นผู้เริ่มต้นแผนการนี้
เราอาจจะไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงหรือคนที่สร้างมัน แต่ในที่สุดนักวิทยาศาสตร์ก็สามารถตรวจหาการปลอมแปลงครั้งใหญ่นี้ได้ด้วยหลักฐาน ดังที่ Clemens กล่าว “มันมีสิ่งที่ดูดซับช่องว่างทางปัญญาจำนวนมาก และทีมของเค้าไม่อยากให้มันค้างคาอีก” ต่อไปนี้วัตถุโบราณทั้งหลายจะได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดทุกชิ้น