เรารู้กันมาว่าเสือแทสเมเนียนั้นสูญพันธุ์เพราะฝีมือมนุษย์ และยังมีอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับพวกมันที่เราไม่รู้ ซึ่งรวมไปถึงว่ามันมีน้ำหนักเท่าไรกันแน่ โดยมวลน้ำหนักร่างกายนั้นเป็นส่วนที่สำคัญทางชีววิทยา ซึ่งทำให้เรารู้ถึงการสืบพันธุ์ การเจริญเติบโต และการพัฒนาการของสัตว์นั้นรวมถึงการที่มันเคลื่อนไหวด้วย
“สำหรับสัตว์นักล่านั้น มวลร่างกายแสดงให้เห็นว่าพวกมันกินอะไร หรือจะให้เจาะจงไปกว่านั้นคือมันกินอะไรในแต่ละมื้อ”
การจับและล่าสัตว์อื่นนั้นเป็นงานที่ยาก ทำให้พวกสัตว์นักล่าต้องมีน้ำหนักที่เหมาะสมกับการใช้งาน สัตว์นักล่าขนาดเล็กนั้นใช้พลังงานน้อยกว่า ยิ่งพวกที่มีขนาดใหญ่เท่าไรก็ต้องใช้พลังงานในการล่าที่เยอะขึ้น
สำหรับนักล่าขนาดใหญ่ พวกนี้จะมีน้ำหนักเริ่มต้นที่ 21 กิโลกรัม ซึ่งเหยื่อของพวกมันมักจะมีขนาดอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของร่างกายมัน แล้วสำหรับนักล่าที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 14.5 กิโลกรัมลงไป มักล่าเหยื่อที่มีขขนาดเล็กกว่าตัวของมัน แต่บางครั้งมันก็จะล่าเหยื่อที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวมันมากได้
ความผิดพลาดทางข้อมูล
น้ำหนักที่บันทึกไว้ของเสือแทสเมเนียมีน้อยมากๆ มันมีแค่ 4 ตัวอย่าง และมักจะเป็นการขาดคะเนตามขนาดตัว โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 29.5 – 30 กิโลกรัม ตามข้อมูลของหนังสือพิมพ์ในศตวรรษที่ 19
จากข้อมูลนี้ทำให้เชื่อว่าเสือแทสเมเนียจะล่าเหยื่อที่มีขนาดใหญ่เช่น วัลนาบี จิงโจ้ และแกะ แต่จากการศึกษากะโหลกของมันทำให้พบว่ามันไม่แข็งแรงพอที่จะจับและฆ่าเหยื่อที่มีขนาดใหญ่ได้ ทำให้มันล่าได้แต่สัตว์ขนาดเล็ก
ซึ่งเรื่องนี้นำไปสู่ปัญหาว่า ถ้าเสือแทสเมเนียใหญ่อย่างที่คิดกัน มันไม่ควรจะจับสัตว์เล็กๆ กิน เป็นไปได้ไหมว่าที่เราคำนวนน้ำหนักมันผิดมาตลอด?
ชั่งน้ำหนักสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
ทีมงานได้เดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์ในออสเตรเลีย สหรัฐ อังกฤษและในยุโรปเพื่อทำ สแกนสามมิติ ตัวอย่างของเสือแทสเมเนียและโครงกระดูกรวมถึงร่างที่สตัฟไว้ที่สวีเดน
จากการสแกนนี้ทำให้เราสามารถคำนวนน้ำหนักของเสือแทสเมเนียได้ โดยดูจากว่าขาของมันหนาเท่าไร ซึ่งขาพวกนี้จะเป็นตัวรับน้ำหนักตัวของพวกมัน และจากการคำนวนของทุกตัวอย่างแล้วทำให้รู้ว่าพวกมันมีน้ำหนักอยู่ที่ 16.7 กิโลกรัมไม่ใช่ 29.5 กิโลกรัม อย่างที่เข้าใจกัน
Advertisements
ข้อมูลที่แท้จริงของเสือแทสเมเนีย
จากข้อมูลล่าสุดทำให้รู้ว่าข้อมูลจากศตวรรษที่ 19 นั้นทำให้มันใหญ่กว่าที่ควรเป็นถึง 80% ซึ่งจากในหนังสือพิมพ์ยุคนั้นก็สร้างภาพให้มันดูใหญ่และอันตราย ขนาดว่าบางที่ยังเขียนให้มันตัวใหญ่กว่าหมาดิงโก้ด้วยซ้ำ
ซึ่งผลจากการเขียนเกินจริงนี่ทำให้มันถูกล่าจะสูญพันธุ์ โดยเริ่มจากการล่าแบบมีค่าหัวตอนปี 1840 และรัฐบาลสนับสนุนการล่าในปี 1880 ยิ่งทำให้มันแย่ลงไปอีก กว่าจะรู้ว่ามันเป็นสัตว์ที่หายากและมีที่เดียวบนโลกมันก็สายไปแล้ว
เสือแทสเมเนียนั้นมีขนาดเล็กกว่าที่เราคิดมาก มันจัดอยู่ในพวกสัตว์นักล่าขนาดเล็กที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 21 กิโลกรัม ซึ่งมันจะล่าสัตว์ที่มีขนาดเล็กกว่าตัวมัน ดังนั้น “หมาป่าแทสเมเนีย” นั้นไม่เป็นอันตรายเมื่อเทียบกับชาวนาออสเตรเรีย ที่ดูแลแกะของพวกเค้า
จากข้อมูลนี้ ทำให้เราใกล้ที่จะเข้าใจบทบาทของพวกมันในระบบนิเวศ และจะได้รู้ว่ามันมีผลกระทบอย่างไรเมื่อมันถูกล่าจนสูญพันธุ์