Advertisement
Home บทความพิเศษ ประวัติ ‘เต่าบิน’ ที่เคยเกือบไม่เหลืออยู่บนโลก รอดจากการสูญพันธุ์ได้อย่างไร?

ประวัติ ‘เต่าบิน’ ที่เคยเกือบไม่เหลืออยู่บนโลก รอดจากการสูญพันธุ์ได้อย่างไร?

บอกตามตรงว่าผมเองก็ไม่ค่อยจะรู้จักเต่าชนิดนี้ แต่มันก็เป็นเต่าที่น่าสนใจมาก ผมก็เลยเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังกันซะหน่อย หลายคนที่ได้ดูคลิปตะพาบ ที่ผมเคยบอกว่าเต่าต่างจากตะพาบตรงที่มีกระดองแข็งๆ และมันก็ไม่ได้ชอบอยู่ในน้ำสักเท่าไร แต่คงต้องขอยกเว้นให้กับ เต่าบิน หรือ เต่าจมูกหมู ไว้สักตัว เพราะเจ้านี่ดันเหมือนกับตะพาบมากกว่าเต่าซะอีก แถมยังเหมือนเต่าทะเลแต่อาศัยในน้ำจืด เดี๋ยวมาฟังเรื่องราวของเต่าชนิดนี้กัน

เหตุที่เต่าบินเป็นเต่าที่แปลกประหลาดมากๆ

หากดูจากชื่อสามัญไทยของเต่าชนิดนี้ ซึ่งมีอยู่ 3 ชื่อคือ เต่าบิน เต่าจมูกหมู เต่าฟลายริเวอร์ ซึ่งชื่อทั้ง 3 นี้ บ่งบอกลักษณะของเต่าได้อย่างชัดเจน นั้นเพราะเต่าชนิดนี้ว่ายน้ำเก่งจนเหมือนบินในน้ำ มีจมูกที่เหมือนหมู และมันก็เป็นเต่าที่อยู่ในแม่น้ำ

แต่บางรายงานก็บอกว่าเต่าชนิดนี้ในธรรมชาติ มิใช่เต่าน้ำจืดเต็มตัว แต่ก็ไม่ได้มีรายงานอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั้นเพราะมันเป็นเต่าที่หายากมากในธรรมชาติ การศึกษาพวกมันโดยละเอียดจึงทำได้ยากเช่นกัน

สำหรับ “เต่าบิน” (Pig-nosed turtle, Fly river turtle) เป็นเต่าที่มีขนาดประมาณ 60 – 70 เซนติเมตร และหนักประมาณ 30 กิโลกรัม จัดเป็นสัตว์เลื้อยคลานจำพวกเต่า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carettochelys insculpta เป็นเต่าเพียงชนิดเดียวที่อยู่ใเต่าฟลายริเวอร์นวงศ์ Carettochelyidae (แคเร็ตโตเชไลแด) และสกุล Carettochelys (แคเร็ตโตเชลีส)

หากอ้างอิงจากซากดึกดำบรรพ์จะพบว่าเต่าสกุลนี้อยู่มาตั้งแต่ยุคครีเทเชียส (Cretaceous) หรือตั้งแต่ 145 – 66 ล้านปีก่อน ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นหนึ่งในเต่าที่แปลกประหลาดที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

หากมองด้วยสายตา “เต่าบิน” มีลักษณะของตะพาบอยู่หลายส่วน มันมีกระดองหลังที่ดูอ่อนนุ่มและแบนคล้ายตะพาบ แม้จริงๆ ไม่ได้นุ่มเท่าไรก็ตาม แต่ก็ไม่ได้แข็งเหมือนเต่า ส่วนสีของกระดองจะเป็นสีเทาจนถึงดำ ในวัยเด็กจะเป็นสีชมพูและจะค่อยเข้มขึ้นตามอายุ บริเวณขอบกระดอกเป็นหยักเหมือนกับเต่าและท้องก็เป็นสีขาว หากมองลักษณะทางกายภาพมันก็เป็นเต่าที่ดูน่าสงสัยชนิดนึง

และหากดูที่ขาของเต่าบินก็จะแปลกๆ เพราะขาทั้ง 4 ข้างจะเป็นแผ่แบนจนกลายเป็นครีบ และแม้จะมีเล็บแต่เล็บก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ เมื่อมันว่ายน้ำก็จะไม่เหมือนเต่าน้ำจืดชนิดอื่นเลย จริงๆ แล้วมันเหมือนเต่าทะเลมากกว่า ถ้าแค่นี้ยังประหลาดไม่พอ ให้มาดูที่หัวของเต่าบิน จะเห็นว่ามันมีจมูกที่ยื่นยาวมาและงุ้มหักลงคล้ายหมู จึงเป็นที่มาของหนึ่งในชื่อสามัญ เป็นเต่าที่กินได้ทั้งพืชและสัตว์ขนาดเล็ก

การอนุรักษ์ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจเช่นกัน

ถิ่นอาศัยเดิมของเต่าบินคือ นิวกินีและทางตอนเหนือของทวีปออสเตรเลีย ในแม่น้ำลำคลอง หรือทะเลสาบน้ำจืดที่มีความลึกไม่มากนัก แต่มีเรื่องที่น่าสนใจของเต่าบินคือ ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2524 – 2554 มันเป็นเต่าที่ได้รับการคุ้มครองโดยประเทศอินโดนีเซีย แต่ก็มีการลักลอบนำเข้าเต่าบินเป็นจำนวนมาก แล้วก็ถูกจับได้โดยเจ้าหน้าที่รัฐ

จากนั้นเต่าที่ถูกยืดมา ก็ไม่ได้ถูกทำลาย แต่ถูกปล่อยลงในแม่น้ำวาเนีย จังหวัดปาปัว ในประเทศอินโดนีเซีย แล้วก็มีเต่าบินนับหมื่นตัว ถูกปล่อยในแม่น้ำโอตะควา ในอุทยานแห่งชาติโลเรินตส์ ประเทศอินโดนีเซีย …ด้วยเหตุนี้เต่าจมูกหมูที่อยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ เลยมีมากในประเทศอินโดนีเซีย

และมันก็กลายเป็นเป้าหมายของผู้ลักลอบค้าสัตว์มากมาย ซึ่งในช่วงปี พ.ศ. 2556-2563 มีบันทึกการจับกุมถึง 26 ครั้ง และเต่าบินที่ยึดมาได้ก็มีทั้งหมด 52,374 ตัว และที่จับในประเทศอื่นอีกหลายหมื่นตัว นี่ยังไม่นับที่จับไม่ได้อีกมากมาย …ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชากรเต่าบินในอินโดนีเซียเจริญเติบโตขึ้นอย่างมาก

นอกจากนี้ยังมีบันทึกเกี่ยวกับเต่าบินที่น่าสนใจในประเทศไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2522 ซึ่งเป็นช่วงที่เต่าบินมีประชากรตกต่ำถึงขีดสุด ในตอนนั้นเต่าบินมีราคาแพงมาก ว่ากันว่าทั่วโลกมีผู้ครอบครองเพียง 5 ตัว ใน 5 ประเทศเท่านั้น

ในประเทศไทยมีเพียงตัวเดียว ซึ่งเป็นของ นาวาอากาศโท วิโรจน์ นุตพันธุ์ นักวิทยาสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกชาวไทย มันเป็นเต่าตัวผู้ที่ถูกซื้อมาในราคา 25,000 บาท

ในตอนนั้น นาวาอากาศโท วิโรจน์ ตั้งใจว่าจะหาเต่าตัวเมียมาผสมพันธุ์เพื่อขยายพันธุ์เต่าบินต่อไป แต่ด้วยความซวยของเต่า ดันมีคนขโมยเต่าบินตัวนี้ไปต้มเป็นน้ำแกงกินซะก่อน เรื่องที่จะเพาะพันธุ์ในประเทศไทยจึงต้องจบลงแบบเศร้าๆ

ส่วนประเทศอินโดนีเซีย ที่จับผู้ลักลอบค้าเต่าบินได้มากมาย จนเป็นเหตุให้มีเต่าชนิดนี้อยู่มาก และยังเพาะขยายพันธุ์จนสำเร็จ แม้ต้องรอให้เต่าตัวเมียมีอายุถึง 25 ปี จึงผสมพันธุ์ได้ แต่ก็เป็นการดึงเอาเต่าบินออกมาจากสถานะสูญพันธุ์ได้อีกหน่อย ถึงในธรรมชาติพวกมันจะมีน้อยก็ตาม

การเลี้ยงเต่าบินในประเทศไทย

แม้ในบางแหล่งข้อมูลจะบอกว่าเต่าบินมีนิสัยก้าวร้าว แต่หลังจากมีการเลี้ยงในประเทศไทยมานาน ก็พบว่าเป็นเต่าที่เลี้ยงง่าย เชื่องและไม่ถือว่าเป็นอันตรายต่อผู้เลี้ยง แต่ก็ยังก้าวร้าวกับพวกเดียวกัน โดยเฉพาะกับเต่าที่มีขนาดเล็กกว่า หรือแม้แต่ตัวที่มาที่หลัง หากอ่อนแอก็จะถูกไล่กัดจนบาดเจ็บ จึงควรมีเต่าบินในบ่อเพียงตัวเดียว

สำหรับสถานที่เลี้ยง ก็สามารถเลี้ยงได้ในตู้ อ่าง หรือ บ่อปลาขนาดใหญ่ เพื่อให้เต่ามีพื้นที่ในการว่ายมากขึ้น ควรมีระบบกรองน้ำที่ดี หรือ เปลี่ยนถ่ายน้ำอยู่เสมอ หากคุณภาพน้ำไม่ดีจะทำให้เกิดโรคผิวหนังได้ง่าย

เต่าบินเลี้ยงร่วมกับปลาได้หรือไม่? คำตอบคือได้! แต่ต้องเป็นปลาตัวใหญ่สักหน่อย หรือไม่ก็ต้องว่ายน้ำเร็วพอจะหนีเต่าบินได้ และถึงจะเป็นปลาตัวใหญ่หากป่วยก็อาจโดนเต่าโจมตีได้เช่นกัน คุณต้องไม่ลืมว่าเต่าบินเป็นเต่าที่กินเนื้อได้ …แต่ถ้าให้ดี ไม่ต้องใส่ปลาไว้กับเต่าก็ได้

ส่วนอาหารของเต่าบินก็จะเป็นพวก อาหารปลาสำเร็จรูป ผักบุ้ง ผักกาด กุ้งฝอย เนื้อกุ้ง ในช่วงแรกของการเลี้ยงเต่าอาจจะไม่เชื่อง แต่หากเลี้ยงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็จะว่ายตามมาขออาหารจากมือเลยทีเดียว

สำหรับในตอนนี้ในประเทศไทย ก็มีการซื้อขายเต่าชนิดนี้ในตลาดสัตว์เลี้ยง ซึ่งเต่าพวกนี้ส่วนใหญ่ก็นำเข้ามาจากอินโดนีเซีย ส่วนในไทยเพาะเองได้หรือยังผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน …ถ้าอยากเลี้ยงคงต้องไปศึกษาเพิ่มเติมกันหน่อย

อ่านเรื่องอื่น

Exit mobile version