นี่คือฉลามที่เกือบทำลาย ‘เรือดำน้ำนิวเคลียร์’ อเมริกาได้จริงๆ

ย้อนกลับไปช่วงยุค 70 เป็นช่วงเดียวกับที่ยานอพอลโล 13 ได้กลับบ้าน มันเป็นการเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรกของมนุษย์ เดอะบีทเทิลส์แยกวง และสงครามเย็นที่ทวีความรุนแรง ขณะที่เรือดำน้ำนิวเคลียร์ของอเมริกากำลังลาดตระเวนในน่านน้ำทั่วโลก โดยกำลังค้นหาเรือรัสเซียในเกมแมวกับหนูที่เป็นความลับ จู่ๆ ก็มีบางสิ่งโจมตีโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า เรดาร์และไมโครโฟนของพวกเขาถูกทำลายเกินกว่าจะซ่อมได้ ทำให้พวกอเมริกาตาบอดในน้ำ ความกลัวเกิดขึ้นที่หัวใจของกองทัพเรือสหรัฐฯ พวกเขาสงสัยว่ามันเป็นเทคโนโลยีใหม่ของรัสเซียหรือไม่? หรือมันเป็นอย่างอื่น?

เรือดำน้ำโดนฉลามโจมตี

เรือลำน้ำที่ถูกโจมตีมีระวางขับน้ำ 18,750 ตัน ตัวเรือยาว 175 เมตร มันเป็นเรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ จึงเป็นเรือดำน้ำใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กองทัพเรือสหรัฐฯ เรือแต่ละลำสามารถบรรทุกขีปนาวุธปล่อยตัวจากเรือดำน้ำ Trident II D5 (SLBM) ได้ 24 ลำ ในระยะ 11,300 กิโลเมตร ขีปนาวุธแต่ละลูกสามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้มากถึง 12 หัว ..เรือดำน้ำระดับโอไฮโอเป็นกระดูกสันหลังของกองทัพเรือและมีบทบาทสำคัญในยุทธศาสตร์ของอเมริกา ดังนั้นสหรัฐอเมริกาจึงติดตามปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดอยู่เสมอ




หลังจากเรือดำน้ำได้รับความเสียหาย มันจำเป็นต้องกลับฐานทัพทันที ความเสียหายปรากฏชัดเจนเมื่อเรือดำน้ำอยู่ในอู่ บางสิ่งได้ทำลายเรดาร์ทั้งหมดด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว นี่ไม่ใช่งานที่ซ่อมได้ มันจำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งระบบ ..รูที่เห็นมันเหมือนมีคนเอาเลื่อยไปเจาะรู มันเป็นเครื่องมือใหม่ที่ใช้โดยหน่วยทำลายใต้น้ำของรัสเซียหรือไม่?

ก่อนความตื่นตระหนกแพร่กระจายในหมู่เจ้าหน้าที่ หากรัสเซียมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าใกล้เรือดำน้ำของเราได้ โดยปราศจากการตรวจจับและจัดการกับระเบิดน้ำลึกได้ พวกเราทั้งหมดตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง หลังจากที่ตรวจสอบอยู่นาน พวกเขาพบว่ามีรอยฟันบนยาง และสิ่งเดียวที่สามารถว่ายน้ำและเล็กพอที่จะเข้าใกล้ไมโครโฟนย่อยโดยไม่ถูกตรวจจับคือปลา นี่อาจเป็นปัญหาทางชีววิทยา? หรือว่ามีใครที่สามารถควบคุมและสั่งการพวกมันได้?

มันเป็นฉลามคุ๊กกี้คัตเตอร์

Advertisements

นับว่าโชคดีที่มีคนสังเกตเห็นรูปร่าง ขนาด และจำได้ว่าเป็นรอยกัดจากฉลามที่แปลกประหลาดที่สุดตัวหนึ่ง นั่นคือฉลามคุ๊กกี้คัตเตอร์ (Cookiecutter Shark) นี่ไม่ใช่เมกาโลดอนขนาดมหึมาหรือหน่วยทำลายใต้น้ำของรัสเซีย แต่เป็นฉลามขนาดเท่าแมวที่มีวิธีการล่าเหยื่อที่แปลกประหลาด

สิ่งที่แปลกเพราะคุ๊กกี้คัตเตอร์เป็นเหยื่อของสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในทะเลบางตัว เช่น ฉลาม วาฬ ปลาขนาดใหญ่ แมวน้ำ และแม้แต่มนุษย์ล้วนเป็นศัตรูของมัน แต่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเช่นนี้ ก็สามารถอาศัยอยู่บนสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าพวกมันหลายพันเท่าได้อย่างไร? ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของขากรรไกรที่แปลกประหลาดและการกัดที่แปลกประหลาดของพวกมัน




มันสามารถอ้าปากได้ 180 องศา และเมื่อเปิดขึ้น ขากรรไกรบนและขากรรไกรล่างจะสร้างวงกลมที่สมบูรณ์แบบ ฟันของพวกมันแหย่ไปข้างหน้า พวกมันแหลมและยังมีริมฝีปากที่หนาอีกด้วย

เมื่อพวกมันเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ เช่น วาฬสเปิร์ม มันก็จะว่ายน้ำเข้าไปใกล้ๆ แล้วอ้าปากเต็มที่เพื่อกัดเหยื่อ ปากของมันสร้างตราประทับที่มีลักษณะเป็นวงกลม และเมื่อมันจากไป เนื้อของเหยื่อจะหลายไปซึ่งมีลักษณะเป็นวงกลมที่เป็นลักษณะเฉพาะของฉลามคุ๊กกี้คัตเตอร์ ..แต่ทำไมสิ่งมีชีวิตดังกล่าวถึงโจมตีเรือดำน้ำที่ใหญ่ที่สุด มันสามารถแยกความแตกต่างระหว่างเรือดำนํ้าและวาฬได้ไหม?




ฉลามมีตัวรับไฟฟ้าที่ไวต่อความรู้สึกมากที่ส่วนจมูกของพวกมัน พวกมันสามารถสัมผัสได้ถึงสัญญาณไฟฟ้าที่ส่งผ่านเส้นประสาทของสัตว์อื่นๆ และพวกมันใช้สิ่งนี้เพื่อล่าเหยื่อของพวกมัน และยังช่วยให้ฉลามหัวค้อนสามารถค้นหาปลาหรือหอยที่ฝังอยู่ใต้พื้นทะเลได้ นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุที่ฉลามมักจะโจมตีกล้อง แต่ไม่ใช่ช่างภาพ พวกมันกำลังไล่ตามสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าที่แรงกว่าของกล้อง เป็นไปได้ว่าเรดาร์จะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เต้นเป็นจังหวะจะดึงดูดฉลามคุ๊กกี้คัตเตอร์ ไปยังจุดนั้นที่นำไปสู่การทำลายอุปกรณ์สำคัญของเรือดำน้ำ

Advertisements

เรือดำน้ำดีเซลธรรมดาอาจทำให้คุ๊กกี้คัตเตอร์ตกใจ เพราะมีเสียงดังเกินไป แต่ยุค 60 และ 70 เป็นช่วงที่เรือดำน้ำนิวเคลียร์แบบเงียบเริ่มปรากฏขึ้น ทั้งรัสเซียและอเมริกาต่างก็ใช้ไมโครโฟนใต้น้ำเพื่อฟังเสียงที่อยู่ห่างไกล และสามารถแยกแยะตำแหน่งได้ ดังนั้นทั้งสองประเทศจึงคิดค้นเรือดำน้ำเงียบที่สามารถ “ซ่อนเร้นใต้เรดาร์” แต่ก็หมายความว่าคุ๊กกี้คัตเตอร์จะไม่กลัวเสียงเครื่องยนต์ สำหรับพวกมันแล้วเรือดำน้ำนิวเคลียร์เป็นเพียงวาฬขนาดยักษ์อีกตัวหนึ่งที่ว่ายเข้าหาพวกมันอย่างเงียบๆ ที่มีสนามแม่เหล็กไฟฟ้าแรงมาก

หลังจากที่กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้รู้เรื่องนี้ พวกเขาตัดสินใจติดตั้งเปลือกไฟเบอร์กลาสบนเรือดำน้ำนิวเคลียร์ เพื่อปกป้องชิ้นส่วนที่บอบบางและช่วยให้ไม่โดนฉลามกัด โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดของโครงการนี้อยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements