กระทิงวัว (Khting vor) หรือบางทีก็เรียก วัวกินงู ชื่อวิทยาศาสตร์ Pseudonovibos spiralis จัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่เคยมีใครได้พบเห็นตัวจริงขณะยังมีชีวิตมาก่อน และแม้แต่ซากของมันก็จะพบเพียงเขาที่ไร้หัวกะโหลก ซึ่งจะวางขายในตลาดขายของป่าตามชายแดนไทย-กัมพูชา, ไทย-ลาว, ลาว-กัมพูชา และเวียดนาม
เนื่องจากมันเป็นสัตว์ที่หายากมาก จุดเด่นเพียงอย่างเดียวที่สามารถยืนยันได้ เกี่ยวกับกระทิงวัวจึงเป็นเขา ซึ่งเขาของมันมีลักษณะคล้ายเขาวัว แต่จะบิดเป็นเกลียว ยาวประมาณ 50 ซม. (20 นิ้ว)
กระทิงวัวจัดเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียว ที่อยู่ในสกุล Pseudonovibos โดยอาจจะเป็นชื่อพ้องรองของสกุล Bos หรือสกุลของวัวทั่วไป
เรื่องจริงเป็นเช่นไร?
กระทิงวัวซึ่งในภาษาเขมรแปลว่า “วัวที่มีเขาเกลียว” ถูกอธิบายเป็นครั้งแรกในปี 1994 เมื่อนักสัตววิทยาชาวเยอรมันสองคนบรรยายถึงสายพันธุ์ใหม่ที่พบเห็นได้ตามแนวชายแดนเวียดนาม – กัมพูชา โดยพวกเขาอ้างว่า ได้ค้นพบกระทิงวัว จากการรวบรวมเขาสัตว์ในตลาดในพื้นที่ต่างๆ
จากการตรวจสอบในโลกนี้มีเขาของกระทิงวัวแท้ๆ ไม่กี่ชุด โดยทั้งหมดมีรูปร่างคล้ายคลึงกัน ..เขาชุดหนึ่งที่พบในเวียดนามในปี 1929 อยู่ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติมหาวิทยาลัยแคนซัส
นักวิทยาศาสตร์แคนซัสอ้างว่าเขาที่มีอยู่นี้เป็น “หลักฐานที่หนักแน่น” ของการดำรงอยู่ของกระทิงวัว พวกเขากล่าวว่า เขาได้รับการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ (ภายใต้กล้องจุลทรรศน์) และตรวจดีเอ็นเอแล้วพบว่า “เป็นตัวแทนของสายพันธุ์ใหม่จริงๆ”
ในการวิจัยภาคสนาม พบว่ามีนักล่าและชาวบ้านชาวเขมร หลายร้อยคนอ้างว่าพบเห็นสัตว์ชนิดนี้ เนื่องจากพื้นที่ป่าอันกว้างใหญ่ของกัมพูชาไม่ได้ถูกสำรวจจนกระทั่งหลังปี 1997 เมื่อเขมรแดงถูกขับไล่ ถือว่าเป็นไปได้มากที่จะมีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ปรากฏชื่ออยู่ที่นั่น
กลับมาที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติในปารีส นักวิจัยเริ่มตรวจสอบเขาของกระทิงวัวอีกครั้ง แต่แล้วจากตัวอย่าง 5 ชุดที่หามาได้ นักวิจัยก็ต้องผิดหวัง เพราะหลังจากตรวจสอบอย่างดี นักวิจัยก็สรุปได้ว่า “เขาพวกนี้เป็นของปลอมแปลง” มันถูกทำให้บิดเป็นเกลียว และแกะสลักโดยช่างฝีมือ และจากการวิเคราะห์ดีเอ็นเอ พวกเขาก็พบว่า มีคอลเล็กชันจำนวนหนึ่งที่ถูกเป็นของปลอมแปลง
มีทฤษฎีหนึ่งที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดี .. จริงๆ แล้ว “เขากระทิงวัว” ที่เป็นของที่ถูกดัดแปลงนี้ ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเอามาหลอกนักวิทยาศาสตร์ แต่เพื่อให้ทันความต้องการของตลาดเขาในปี ค.ศ. 1920 จนถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 20
เมื่อเขาของสัตว์ที่ถูกห้อมล้อมด้วยตำนานอันทรงพลัง (นิทานพื้นบ้านกัมพูชากล่าวถึงวัวกินงูที่มีเขาบิด) จะเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชันของนักล่า และช่างฝีมือชาวกัมพูชาก็ไม่สามารถหาและฆ่าวัวกินงูที่แท้จริงได้ พวกเขาจึงจัดการปลอมแปลงเขาที่มีอยู่เพื่้อขาย
สรุปคือ วัวกินงูอาจมีอยู่จริง แต่เขาของมันส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ดัดแปลงมาจากเขาของสัตว์ชนิดอื่น มันจึงไม่มีอะไรมากไปกว่าการหลอกลวงในท้องถิ่นที่ขยายไปสู่ระดับโลก