กบสีม่วง สิ่งมีชีวิตยุคไดโนเสาร์ กบที่อยู่ใต้ดินเกือบทั้งชีวิต

แม้กบชนิดนี้ จะไม่ได้อยู่ในจุดในใกล้สูญพันธุ์ แต่มันก็เป็นกบที่พบตัวได้ยากมากๆ เพราะนิเวศวิทยาของกบชนิดนี้ ไม่ค่อยจะเหมือนกับกบทั่วไป มันจะใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่ใต้ดิน แถมใต้ดินที่ว่า ไม่ใช่ระดับผิวดิน แต่เป็นระดับ 8 เมตร! และเพราะแบบนี้ นักวิจัยจึงแทบจะไม่รู้เลยว่า พวกมันอยู่กันยังไงที่ใต้ดิน

เมื่อปี พ.ศ. 2546 (2003) นักวิจัยได้อธิบายถึง วงศ์ใหม่ของกบที่แปลกประหลาด มันคือกบตัวสีม่วง หน้าตาแปลก ๆ ในตอนนั้นมันถูกอธิบายว่าเป็น “ซีลาแคนท์ของกบ” หากถามว่า! ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? ก็เพราะมันมีต้นกำเนิดมาจากสายพันธุ์โบราณที่ดิ้นอยู่ในโคลน มาตั้งแต่สมัยที่ไดโนเสาร์ จนถึงยุคปัจจุบันพวกมันก็ยังมีชีวิตอยู่

กบสีม่วง หรือ กบจมูกหมู (Purple frog) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า นาสิกาบาตราคุส ซาห์ยาเดนซิส (Nasikabatrachus sahyadrensis) กบชนิดนี้! มีรูปร่างอ้วนป้อม แขนขาดูตัน ดูไม่น่าจะกระโดดขึ้น นอกจากนี้ยังมีตาที่เล็ก จมูกยื่นออกมา โดยรวมแล้วมันแปลกและขาดความสวยงาม แต่ แต่หากคุณเป็นแฟนตัวยงของ “ซากดึกดำบรรพ์มีชีวิต” นี่คือ! สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่น่าจับตามองแน่นอน

จากงานวิจัย ชี้ให้เห็นว่า กบสีม่วง เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ เมื่อ 80 ล้านปีก่อน! แต่ถึงอย่างงั้น ก็เพิ่งได้รับการอธิบายอย่างเป็นทางการ เมื่อปี ในเทือกเขาฆาฏตะวันตก ประเทศอินเดีย ความจริงมันเป็นสัตว์เฉพาะถิ่นของเทือกเขาแห่งนี้

และจากการศึกษาเพื่อตามหาต้นกำเนิดและญาติใกล้ชิด นักวิจัยก็พบเรื่องที่น่าสนใจ! เพราะจาก DNA ได้เผยให้เห็นถึงญาติสนิทที่สุด! ของกบสีม่วง อยู่ที่เซเชลส์ (Seychelles) ซึ่งไกลออกไปทางใต้ประมาณ 3 พันกิโลเมตร ตัวหนึ่งอยู่บนแผนดินใหญ่ อีกตัวหนึ่งอยู่บนเกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรอินเดีย และแม้ว่าพวกมันจะเป็นญาติใกล้ชิดกัน แต่ก็แยกจากกันในช่วง 251 – 65 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงมหายุคมีโซโซอิก (Mesozoic)

กบสีม่วงที่ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยที่ใต้ดิน

Advertisements

ส่วนหนึ่งของรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดของกบสีม่วง มาจากประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของพวกมัน ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากกิ่งก้านสาขาที่ลึกลงไปในต้นไม้ตระกูลกบ ที่ย้อนกลับไปได้ถึงมหายุคมีโซโซอิก (Mesozoic) …จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันคือหนึ่งในกบที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

กบสีม่วงได้ถูกนิยามเอาไว้ว่าเป็น! “การค้นพบที่จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบร้อยปี” เมื่อวงศ์ของกบสีม่วงได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ ในขณะที่ถูกระบุว่าเป็นสัตว์ชนิดใหม่ นักวิจัยก็พยายามศึกษาพวกมัน แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เรียบง่ายเลย การศึกษากบชนิดนี้เป็นเรื่องยาก!

นั้นเพราะกบสีม่วง อาศัยอยู่ใต้ดินที่ลึกถึง 8 เมตร เกือบตลอดชีวิต! ปกติพวกมันจะไม่หากินบนบกหรือแม้แต่ใต้น้ำ จึงเป็นเรื่องยากที่จะติดตาม ศึกษาความเป็นอยู่ที่แท้ในธรรมชาติของพวกมัน ช่วงเวลาเดียวที่สามารถศึกษาพวกมันได้คือ ตอนที่โผล่ขึ้นมาผสมพันธุ์ ปีล่ะครั้ง ซึ่งมีเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ก่อนที่พวกมันจะกลับลงใต้ดินอีกครั้ง

การศึกษาพวกมันว่ายากแล้ว การติดตามถ่ายทำยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ตามรายงานระบุว่า ทีมงานต้องใช้เวลาหลายฤดูกาล ในการสำรวจลำธารที่กบเคยโผล่ขึ้นมา หรืออย่างน้อยต้องมีข้อมูลระบุว่าเคยเคยโผล่ขึ้นมาในอดีต หลังจากเฝ้ารอมานาน ในที่สุดพวกเขาก็สามารถบันทึกช่วงเวลาสั้นๆ ของกบชนิดนี้ได้

ดูเหมือนว่าพวกมันจะออกมาในช่วงที่ฝนตกในระดับที่พอดี แต่! เราก็ไม่รู้ว่า พอดี คือแค่ไหน และเพราะแบบนี้ ทีมงานจึงต้องใช้เวลาถึง 2 ปี เพื่อเฝ้ารอช่วงเวลาที่กบสีม่วง จะขึ้นมาผสมพันธุ์ ซึ่งดูเหมือนกบตัวเมียจะต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษ เพราะตัวเมียที่โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินจะมาพร้อมกับไข่ที่เต็มท้อง แถมตัวเมียยังต้องแบก ตัวผู้ที่มีขนาดเล็กกว่ามากไว้บนหลัง กบตัวเมีย! ต้องใช้กำลังเพื่อปีนขึ้นไปตามลำธาร หาจุดที่ปลอดภัยสำหรับวางไข่ ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้ว ซึ่งอาจต้องว่ายผ่านกระแสน้ำที่แรง โดยตลอดขั้นตอน ตัวผู้แทบไม่ต้องทำอะไรเลย

Advertisements

อย่างไรก็ตาม บางครั้งกบสีม่วงตัวเมีย ก็อาจได้เจอกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ มันคือคางคกตัวผู้ ซึ่งดูเหมือนจะพร้อมผสมพันธุ์เช่นกัน พวกมันจะพยายามกระโดดขึ้นไปบนหลัง เพื่อผสมพันธุ์กับกบสีม่วง ดูเหมือนคางคกที่กำลังพร้อมสุดๆ และหาตัวเมียไม่เจอ สุดท้ายหน้ามืด แล้วคงคิดว่า โอ๊ ตัวเมียตัวนี้ช่างอ้วนสมบรูณ์ บางทีฉันน่าจะผสมพันธุ์ด้วยได้! คางคงบางตัว ถึงขนาดโดดขึ้นไปบนหลังกบตัวเมีย แม้จะมีกบตัวอยู่อยู่บนหลังแล้ว เรียกว่าเป็นภาระหลักสุดๆ สำหรับกบสีม่วงตัวเมีย

และจากการเฝ้าติดตาม เรารู้แล้วว่า กบสีม่วงจะวางไข่ประมาณ 3 ฟันฟอง ในแอ่งน้ำตามโขดหิน หากโชคร้าย ไข่ที่ว่างดันไปอยู่เหนือน้ำ ก็อาจจะโดนมดโจมตี และหลังจากวางไข่ ก็จะใช้เวลาประมาณ 100 วัน ก่อนจะกลายเป็นกบวัยรุ่นที่จะลงไปใต้ดิน และถึงแม้จะไม่รู้ว่าพวกมันทำอะไรกันที่ใต้ดิน แต่นักวิจัยก็พอจะอนุมานได้ว่า พวกมันจะหาอาหารอยู่ใต้ดิน โดยเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นปลวก ส่วนเรื่องอื่นๆ ยังคงเป็นปริศนา

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements