ทำไมขนนกเส้นนี้ จึงมีราคาแพงที่สุดในโลก!
ก่อนอื่น! ขอพูดถึงเนื้อหาจากข่าวซะหน่อย ตามรายงานจาก theguardian เมื่อไม่กี่วันก่อน ได้พูดถึงขนของนกฮูยา (Huia) หนึ่งเส้น ซึ่งเป็นขนที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี มันเป็นขนของนกที่สูญพันธุ์ไปแล้ว และมันก็ขายได้ในราคา 46,521 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ซึ่งถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1 ล้านบาท! และเพราะแบบนี้ ขนขอนกฮูยา จึงกลายเป็นขนนกราคาแพงที่สุดในโลกที่เคยขายในการประมูล
ความจริง ราคานี้ค่อนข้างสูงกว่าการประมาณการเบื้องต้น ซึ่งพวกเขาคิดว่าน่าจะขายได้อย่างมากก็ 2,000 – 3,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ แต่ครั้งนี้กลับขายได้ในราคาเกิน 4 หมื่นดอลลาร์นิวซีแลนด์ด้วยซ้ำ โดยเมื่อประมาณ 14 ปี ก่อน หรือ ปี พ.ศ. 2553 (2010) ขนของนกฮูยา ถูกขายได้ในราคา 8,400 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือประมาณ 187,000 บาท … ซึ่งถือว่าแพงมากๆ แล้วในตอนนั้น
ขนของนกที่มีราคาแพงที่สุดในโลกเส้นนี้ มีน้ำหนัก 9 กรัม มันมีราคาแพงกว่าทองคำมากๆ ตามตัวเลขล่าสุดจาก Gold Broker ทองคำ 1 กรัม จะมีราคาประมาณ 127 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ในขณะที่ขนนกมีราคามากกว่า 5 พันดอลลาร์นิวซีแลนด์ ต่อกรัม
ลีอาห์ มอร์ริส หัวหน้าฝ่ายมัณฑนศิลป์ของโรงประมูล เชื่อว่า เหตุที่ราคาประมูลพุ่งสูงในครั้งนี้ เป็นเพราะว่า นี่เป็นขนนกเส้นเดียวที่มีสภาพดีเยี่ยม “ฮูยาเป็นนกที่พิเศษ มีผู้คนจำนวนมาก ที่มีความสัมพันธ์กับนกชนิดนี้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
ขนนกเส้นนี้ เป็นหนึ่งในขนนกฮูยาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยถูกขายในตลาด สภาพของขนไม่มีการจับกันเป็นก้อนมากนัก … คุณจะเห็นว่ามันยังมีสภาพดีและมีสีอยู่มาก สีน้ำตาลเข้มและเป็นสีรุ้ง ไม่มีร่องรอยของความเสียหายจากแมลงอีกด้วย
ทั้งนี้ขนนกของฮูยา ได้รับการจดทะเบียนเป็น ตาอองกา ตูตูรู (taonga tūturu) หรือหากแปลเป็นภาษาอังกฤษก็หมายถึง สมบัติที่แท้จริง (authentic treasure) ซึ่งหมายความว่าขนนกเส้นนี้ได้รับการคุ้มครองจากกระทรวงวัฒนธรรมและมรดก จะมีเพียงนักสะสม ตาอองกา ตูตูรู ที่ลงทะเบียนเท่านั้น จึงจะสามารถซื้อขนนกนี้ได้ และหากไม่ได้รับอนุญาตจากนิวซีแลนด์ ก็จะไม่สามารถนำออกไปได้!
นกฮูยา (Huia) คืออะไร?
นกฮูยา (Huia) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Heteralocha acutirostris เป็นนกชนิดหนึ่งที่พบได้เฉพาะบนเกาะเหนือของประเทศนิวซีแลนด์ และเป็นนกที่สูญพันธุ์ไปแล้ว โดยการพบเห็นนกชนิดนี้ครั้งสุดท้าย ที่ได้รับการยืนยันคือ ปี พ.ศ. 2450 (1907)
ตามบันทึกระบุว่า สาเหตุการสูญพันธุ์ของนกชนิดนี้ ก็คล้ายกับสัตว์พื้นเมืองชนิดอื่นๆ ของนิวซีแลนด์ มันมีจุดเริ่มต้นมาจากการมาถึงของชาวยุโรป ซึ่งเมื่อพวกเขามาถึง ก็มีการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย ทั้งยังล่าสัตว์ และยังนำสิ่งแปลกปลอมอย่างเช่นหนูเข้ามา ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ประชากรสัตว์หลายชนิดรวมทั้งนกฮูยาต้องลดจำนวนลงไปอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายก็สูญพันธุ์ …แน่นอนว่า ชาวเมารี ซึ่งเป็นผู้อยู่อาศัยเดิม ก็มีส่วนรับผิดชอบ เนื่องจากพวกเขาเองก็มีการล่านกชนิดนี้ เพื่อเอาขนเช่นกัน
ฮูยาเป็นนกที่อาศัยได้ทั้งพื้นที่ภูเขาและที่ราบลุ่ม และอาจจะย้ายไปตามฤดูกาลอีกด้วย พวกมันกินพืชได้ทุกชนิด แมลง ด้วง และแมงมุมก็ถือเป็นอาหารที่กินบ่อย แต่ดูเหมือนมันจะชอบ ตัวอ่อนของด้วงฮูฮูมากเป็นพิเศษ
มันเป็นนกที่มีขนสีดำปลายสีขาวและสีเขียวเมทัลลิก มีเหนียงสีส้มสดใส ซึ่งมีลักษณะโค้งมนอยู่บริเวณจะงอยปาก ดวงตาเป็นสีน้ำตาล จงอยปากเป็นสีขาวงาช้างโคนสีเทา ขาและเท้ายาวเป็นสีเทาอมฟ้า
จุดเด่นอย่างหนึ่งของนกชนิดนี้คือ จะงอยปากที่ต่างกัน ซึ่งในนกเพศเมียจะมีจะงอยปากยาวบางและโค้งลง ในขณะที่เพศผู้จะสั้นและอ้วนคล้ายปากของอีกา ในเรื่องขนาดตัว เพศเมียจะตัวใหญ่ได้ประมาณ 48 เซนติเมตร ในขณะที่เพศผู้จะตัวใหญ่ได้ประมาณ 45 เซนติเมตร และพวกมันจะหนักระหว่าง 300 – 400 กรัม
และแม้ว่าจะมีการบันทึกเอาไว้ว่า เสียงของนกฮูยา มีความไพเราะมาก มันเป็นเสียงคล้ายขลุ่ยที่หลากหลาย แต่นกชนิดนี้กลับเป็นนกที่นิ่งและเงียบ แต่เมื่อนกเริ่มเปล่งเสียง ก็อาจจะได้ยินไปได้ไกลถึง 400 เมตร แต่! เท่าที่ทราบตอนนี้ ไม่มีการบันทึกเสียงที่แท้จริงจากนกชนิดนี้ มีเพียงการเลียนแบบเสียงโดยมนุษย์ ซึ่งใช้วิธีผิวปาก และเสียงที่ว่าก็จะประมาณนี้
ทั้งนี้นกฮูยาถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวเมารี ปรากฏอยู่ในเพลงและคำพูด ขนของนกชนิดนี้ มักสงวนไว้สำหรับรังกาทิรา หรือ หัวหน้าเผ่า และผู้ที่มีสถานะสูงเท่านั้น
สรุปส่งท้ายนกฮูยา ก่อนจะไปเข้าเรื่องนกแก้วซะหน่อย คำถามที่ว่า ทำไมขนนกชนิดนี้แพงจัง คำตอบเท่าที่ผมคิดได้คือ มันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว มันเป็นนกที่มีประวัติที่พิเศษ เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แถมยังยากที่จะครอบครองอีกด้วย …เรียกว่าในมุมของนักสะสม มันคือของสะสมที่ลิมิเตจสุดๆ ก็คงประมาณนี้ …หรือคิดเห็นกันเช่นไร ก็คอมเมนท์บอกกันนะ
อ่านเรื่องอื่น
-
นกขนาด 3 เมตร ‘อินทรีฮาสท์’ ใหญ่ที่สุด-ดุร้ายที่สุดเท่าที่มนุษย์รู้จัก
-
จุดเริ่มต้น ปลาช่อน ปลาชะโดไทย รุกรานไต้หวัน