สำหรับร่างที่อยู่ในปูน เป็นชายวัย 2,000 ปี ซึ่งยังคงเห็นเขากำมือขวาแน่น ตอนแรกภาพนี้ถูกแชร์บนอินสตาแกรมของอุทยานโบราณคดีปอมเปอี ในปี 2017 และได้แพร่หลายไปทั่วอินเทอร์เน็ต จากนั้นชายผู้โชคร้ายคนนี้ก็กลายเป็นมีมอมตะ
จนถึงตอนนี้เมืองปอมเปอี ก็ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดให้เขาอย่างเสรีจนน่าประหลาดใจ นักท่องเที่ยวยังคงแห่กันไปที่ซากปรักหักพังของเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตชีวา บ่อยครั้งพบว่าตัวเองตกตะลึงกับจำนวนอวัยวัยวะชาย ที่ถูกแกะสลักด้วยหิน ความจริงมันมีอยู่ทั่วไปบนทางเท้าและผนัง
จริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้?
แน่นอนว่าเรื่องนี้ได้รับความสนใจจากผู้เชี่ยวชาญ และเขาก็ได้ให้ความเห็นว่า ชายคนนี้ รวมทั้งเหยื่อรายอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ภูเขาไฟวิสุเวียส ถูกตะกอนภูเขาไฟ (Pyroclastic surge) ที่ร้อนจัดฆ่าตาย
ผลกระทบจากความร้อนที่มีต่อร่างกาย ทำให้แขนขางอได้ ผลกระทบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในระหว่างการกระแทก แต่ยังรวมถึงการชันสูตรพลิกศพด้วย ซึ่งหมายความว่าแม้จะตายไปแล้ว ร่างกายก็ยังคงเปลี่ยนตำแหน่งได้
นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมร่างกายจำนวนมาก ไม่ใช่แค่ชายช่วยตัวเองเท่านั้น ที่ถูกพบในตำแหน่งแปลกๆ หลายๆ ร่างดูเหมือนกำลังจับหรือคลำส่วนต่างๆ ของร่างกาย .. แน่นอนว่าสิ่งที่ชายคนนี้ทำก่อนตาย อาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด
การปะทุของภูเขาวิซูเวียส (Mount Vesuvius)
วิซูเวียสเป็นภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ในประเทศอิตาลีปัจจุบัน เคยปะทุขึ้นใน ค.ศ. 79 จัดเป็นการปะทุของภูเขาไฟที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป ซึ่งนักประวัติศาสตร์ทราบเรื่องการปะทุครั้งนี้จากบันทึกของพลินีผู้เยาว์ (Pliny the Younger) นักการเมืองและกวีชาวโรมันซึ่งเห็นเหตุการณ์มาด้วยตาตนเอง
การปะทุครั้งนี้ยังเป็นที่มาของคำศัพท์ว่า “การปะทุแบบวิซูเวียส” (Vesuvian eruption) ที่ใช้เรียกการประทุประเภทหนึ่งของภูเขาไฟ
การปะทุครั้งนี้ มีความรุนแรงเทียบเท่าเทียบกับที่เกิดในเหตุการณ์ระเบิดที่ฮิโรชิมะและนางาซากิ ถึง 100,000 ครั้ง ทำให้ชุมชนชาวโรมันหลายแห่งถึงแก่ความพินาศ และถูกฝังภายใต้ระลอกตะกอนภูเขาไฟ และหินเถ้าภูเขาไฟ จำนวนมหาศาล
และชุมชนซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี คือปอมเปอี (Pompeii) และเฮอร์คิวเลเนียม (Herculaneum) ซึ่งมีประชากรรวม 16,000–20,000 คน มีการพบศพกว่า 1,500 ราย แต่ยอดผู้เสียชีวิตยังไม่อาจกำหนดแน่ชัดได้