1. หม้อข้าวหม้อแกงลิง
น่าจะเป็นพืชที่คนไทยรู้จักกันดี เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า “หม้อข้าวหม้อแกงลิง (Tropical Pitcher Plant)” เป็นพืชที่ชอบหลอกแมลงให้ลงไปใน “เหยือก” ที่อาจมีความยาวถึง 1 ฟุต มันไม่ได้จับและย่อยสลายแมลงเท่านั้น
มันเป็นพืชที่สามารถจับอะไรก็ตามที่ไม่ใหญ่และหนักกว่าที่เหยือกของมันรับไหว ไม่ว่าจะเป็น กิ้งก่าตัวเล็ก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และแม้แต่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็กๆ ที่หลงในกลิ่นหอมหวานของมัน
2. Cobra Lily
ชื่อ Cobra Lily (Darlingtonia californica) มาจากความคล้ายคลึงกับงูเห่าที่แผ่แม่เบี้ยและแลบลิ้นอยู่ โดยพืชชนิดนี้ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1841 โดยนักพฤกษศาสตร์ที่ชื่อ William D. Brackenridge ที่ภูเขาแชสทา (Shasta)
พืชชนิดนี้มีพิษ และมันใช้ “เหยือก” ในการจับเหยื่อคล้ายกับหม้อข้าวหม้อแกงลิง แต่ไม่ถึงกับปิดตาย เพราะมีรายงานว่าเมื่อเหยือกปิด ก็ยังมีทางออกให้กับแมลงบางชนิดสามารถออกไปได้ มันเป็นพืชที่จับแมลงเป็นอาหารหลัก
3. Triphyophyllum
เริ่มแรกมันจะมีใบรูปไข่ที่ดูไม่ธรรมดาเท่าไร จากนั้นในช่วงที่ดอกไม้บาน มันจะสร้างใบ “ต่อม” ที่มีความยาวและเหนียวมาก ซึ่งจะดึงดูด จับและย่อยสลายแมลงที่หลงเข้ามาติดใบของมัน ..จนมันเติมโตกลายเป็นเถาวัลย์ที่มีใบสั้นๆ เป็นตะขอ โดยเถาวัลย์นี่อาจยาวได้ถึง 50 เมตร มันเป็นพืชที่ดูน่าขนลุก พบได้ที่แอฟริกาตะวันตกเขตร้อน
4. หยาดน้ำค้างโปรตุเกส (Portuguese Sundew)
หยาดน้ำค้างโปรตุเกส (Drosophyllum lusitanicum) เป็นพืชที่เติบโตในดินที่มีสารอาหารต่ำ ซึ่งเป็นชายฝั่งของสเปน โปรตุเกสและโมร็อกโก ดังนั้นมันจึงต้องการเสริมที่เป็นแมลงเป็นครั้งคราว
เช่นเดียวกับพืชกินเนื้อชนิดอื่นๆ หยาดน้ำค้างโปรตุเกสจะดึงดูดแมลงด้วยกลิ่นหอมของมัน จากนั้นจะดักจับพวกมันด้วยสารเหนียวที่เรียกว่าเมือกที่อยู่บนใบ แล้วหลั่งเอนไซม์ย่อยอาหารที่ค่อยๆ ละลายแมลงและดูดซับสารอาหารเพื่อให้มันสามารถเติมโตต่อไป
5. Roridula
มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาใต้เป็นพืชกินเนื้อเป็นอาหาร มันไม่ได้ย่อยแมลงที่จับด้วยขนเหนียวๆ แต่มันให้แมลงอีกชนิดที่เรียกว่า Pameridea roridulae จะช่วยในเรื่องนี้ โดยแมลงที่อาศัยอยู่กับ Roridula จะกินเหยื่อที่พืชจับได้ จากนั้นแมลงจึงถ่ายอุจจาระบนใบ-ลำต้นของ Roridula เป็นเป็นของเสียที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่พืชดูดซึมได้ง่ายเป็นพิเศษ
6. บัตเตอร์เวิร์ต (Butterwort)
Butterwort (Pinguicula) ได้รับการตั้งชื่อตามชื่อใบที่ดูเหมือนถูกเคลือบด้วยเนย มันมีถิ่นกำเนิดในยูเรเซีย อเมริกาเหนืออเมริกาใต้ และอเมริกากลาง แทนที่จะส่งกลิ่นหอมหวานเหมือนพืชชนิดอื่น
บัตเตอร์เวิร์ตจะดึงดูดแมลงที่เข้าใจผิดว่าสารคัดหลั่งที่ดูเหมือนไข่มุกบนใบของพวกมันเป็นน้ำ ซึ่งเมื่อเหยื่อเข้ามาหาน้ำ มันจะติดหล่มอยู่ในสารที่หนาเหนียวและถูกเอนไซม์ย่อยอาหารละลายอย่างช้าๆ
7. กาบหอยแครง (Venus Flytrap)
กาบหอยแครง เป็นพืชกินสัตว์ที่ดักจับและย่อยกินเหยื่อที่จับได้ซึ่งส่วนมากเป็นแมลงและแมง มันมีโครงสร้างกับดักคล้ายบานพับที่แบ่งออกเป็น 2 กลีบ อยู่ที่ปลายใบของแต่ละใบ และมีขนกระตุ้นบางๆบนพื้นผิวด้านในกับดัก
เมื่อแมลงมาสัมผัสขนกระตุ้นสองครั้ง กับดักจะงับเข้าหากัน การที่ต้องการสิ่งกระตุ้นที่ซับซ้อนนี้ ก็เพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงานไปกับการดักจับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่อาหาร
8. Waterwheel Plant
มันคล้ายกาบหอยแครง หรืออีกชื่อ พืชกังหันน้ำ แต่อยู่ในน้ำและเล็กกว่ามาก พืชชนิดนี้จะจับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็กกินเป็นอาหาร แต่หากมีปลาขนาดเล็กพอ มันก็จับกินได้เช่นกัน เป็นหนึ่งในไม่กี่สายพันธุ์พืชที่มีความสามารถในการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว มันแทบจะตะครุบเหยื่อได้เลย
9. Brocchinia Reducta
แม้พืชชนิดนี้จะกินเนื้อ แต่มันเป็นพืชตระกูลเดียวกับสับปะรด และพวกพืชอวบน้ำใบหนาต่างๆ มันมีเหยือกยาวเรียวที่สะท้อนแสงอัลตราไวโอเลต (ซึ่งดึงดูดแมลง) และเช่นเดียวกับพืชอื่นๆ ส่วนใหญ่ในรายการนี้ มันส่งกลิ่นหอมหวานที่ไม่อาจต้านทานได้ เหยื่อส่วนใหญ่มักเป็นแมลง บางทีก็เป็นพวกหนูขนาดเล็ก
เป็นเวลานานที่นักพฤกษศาสตร์ไม่แน่ใจว่าพืชชนิดนี้เป็นสัตว์กินเนื้อจริงหรือไม่ จนกระทั่งมีการค้นพบเอนไซม์ย่อยอาหารในกระดิ่งจำนวนมากในปี 2005 จึงสรุปได้ว่ามันกินเนื้อ