1. แทสเมเนียนเดวิล เดิมเคยอาศัยอยู่บนแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลีย
เดิมนั้นเจ้าแทสเมเนียนเคยมีอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย แต่จากฟอสซิลที่ค้นพบนั้นคาดว่าพวกมันหายไปจากแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลียเมื่อ 3000 ปีก่อน
สาเหตุหลักๆ คาดว่ามาจากหมาป่าดิงโก้ ซึ่งมันเข้ามาในออสเตรเลียเมื่อ 3,500 ปีก่อน ซึ่งมันอาจทำให้ประชากรพวกแทสเมเนียนเดวิลลดลง รวมถึงการมาของชนเผ่าอะบอริจิ้น และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ นับว่าโชคดีที่ไม่มีหมาป่าดิงโก้ในเกาะแทสเมเนีย ซึ่งที่นั้นคือที่อยู่สุดท้ายบนโลกของมัน
2. มันสะสมไขมันไว้ที่หาง
เหมือนพวกสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องชนิดอื่น แทสเมเนียนเดวิลสะสมไขมันไว้ที่หางของมัน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของพวกมันในเวลาที่อาหารขาดแคลน ถ้าหางของมันอ้วนมากแสดงให้เห็นว่ามันยังหาอาหารได้จำนวนมากพอ
3. เป็นสัตว์กินเนื้อที่มีกระเป๋าหน้าท้องใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน
แทสเมเนียนเดวิล มีขนาดเท่ากับสุนัขตัวเล็กๆ มีน้ำหนักมากที่สุดเพียง 14 กิโลกรัม เดิมมันใหญ่เป็นอันดับ 2 แต่พอในปี 1936 เมื่อเสือแทสเมเนียน หรือไทลาซีน ได้สูญพันธุ์ไป ทำให้มันกลายเป็นสัตว์กินเนื้อที่มีกระเป๋าหน้าท้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน
Advertisements
4. มันมีแรงกัดที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
มันเป็นสัตว์กินเนื้อ ปกติพวกมันกินแทบทุกอย่างทั้งสิ่งมีชีวิต และซากสัตว์ ปกติมันชอบล่าสัตว์เล็กๆ เช่นกิ้งก่า กบ และแมลง โดยปกติพวกมันจะเป็นสัตว์ที่อยู่ตัวเดียว แต่มันอยู่เป็นกลุ่มในการล่าอาหารและมักจะตีกันเพื่อแย่งอาหาร
และจากการศึกษาพบว่าแทสเมเนียนเดวิล มีแรงกัดสูงที่สุดในบรรดาสัตว์กินเนื้อที่เลี้ยงลูกด้วยนม สิ่งนี้จึงช่วยให้มันสามารถกินได้แทบทุกอย่าง รวมทั้งกระดูกด้วย
5. มันกินอาหารได้มากถึง 40% ของร่างกายในแต่ละวัน
แทสเมเนียนเดวิล ที่โตเต็มที่มีน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกกรัม และกินอาหารได้ถึง 1 กิโลต่อวัน เมื่ออาหารหายาก มันสามารถกินได้มากถึง 40% ของร่างกายมัน เพื่อกักตุนอาหารสะสมกักตุนให้พวกมันในกรณีขาดแคลนอาหาร
6. ลูกแรกเกิดของมันตัวเล็กมากๆ
แทสเมเนียนตัวเมียตั้งท้องอยู่ถึง 3 อาทิตย์ และหลังจากนั้นก็ให้กำเนิดลูก ซึ่งพวกมันจะตัวเล็กๆ มาก ขนาดใหญ่กว่าเม็ดข้าวไม่มากนัก ซึ่งลูกของมันจะอาศัยอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องนาน 4 เดือน จึงจะออกมาข้างนอกได้ มันจะเริ่มโตเต็มที่เมื่ออายุ 2 ปี
7. มันไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์
ถึงชื่อมันจะน่ากลัว และดูดุร้าย ขี้โวยวาย และมีกรามที่ทรงพลัง แต่มันไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์ มันจะไม่ยุ่งกับสัตว์ที่มีขนาดใหญ่อย่างวัวและแกะ แต่แกะที่ป่วยก็ไม่แน่ แต่กับสัตว์ขนาดเล็กในฟาร์มเป็นอาหารหลักของมัน
8. มันเป็นนักกำจัดซากสัตว์
ความสำคัญของแทสเมเนียนในระบบนิเวศคือ มันเป็นนักกำจัดซากสัตว์ หลายครั้งมันจะจ้องไปที่สัตว์ที่ป่วย มันทั้งช่วยในการกำจัดสัตว์ที่ป่วยในธรรมชาติ และยังช่วยลดจำนวนพวกสัตว์ที่ติดเชื้อ ลดจำนวนพวกแมลงวันจึงโอกาสที่จะเกิดโรคที่จะแพร่ไปยังสัตว์ตัวอื่นๆ และที่สำคัญมันยังช่วยในการกำจัดพวกแมวจรจัด ทำให้เป็นการช่วยปกป้องนกท้องถิ่นไปด้วย
Advertisements
9. มันใกล้สูญพันธุ์
แทสเมเนียนเดวิลถูกจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ สาเหตุหลักๆ คือพวกมันเป็นโรคประหลาดที่เหมือนมะเร็ง มันติดต่อกันโดยการต่อสู้กันเองในธรรมชาติ
โรคชนิดนี้ถูกพบในปี 1990 โดยเป็นเนื้องอกที่หน้าและคอ และสุดท้ายพวกมันจะค่อยๆ อ่อนแอลงเรื่อยๆ และตายในเวลาไม่นาน โรคนี้แพร่ไปเรื่อยๆ และฆ่าแทสเมเนียนเดวิลไปมากกว่าสุนัขและรถชนอีก
นักวิทยาศาสตร์พยายามหาทางรักษาพวกมัน ซึ่งคาดว่าถ้ายังไม่สามารถหาทางรักษาได้ พวกมันอาจจะสูญพันธุ์ได้ภายในปี 2035 ซึ่งถ้าหาหนทางรักษาได้แล้ว ในปัจจุบันมีพวกมันอยู่ประมาณ 600 ตัวใน (ในธรรมชาติ) และจะมีแผนที่จะนำพวกแทสเมเนียนเดวิลไปปล่อยในแผ่นดินใหญ่ออสเตรเลียอีกครั้ง