1. งูเห่า
งูเห่าจัดว่าเป็นงูพิษขนาดกลาง ขนาดเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 1 เมตร พบกระจายพันธุ์ไปทั่วในเขตร้อนและเขตอบอุ่นของทวีปเอเชียและแอฟริกา สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งทะเลทราย ป่าดิบ ทั้งบนพื้นที่ราบและภูเขาสูง ตลอดจนในชุมชนเมือง
พิษมีฤทธิ์ทำลายระบบประสาทที่รุนแรง และเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่ถูกกัดเสียชีวิต พิษของงูเห่านับว่ามีความร้ายแรงมาก งูเห่ามีสีหลากหลาย เช่น ดำ, น้ำตาล, เขียวอมเทา เหลืองหม่น รวมทั้งสีขาวปลอดทั้งลำตัว ที่เรียกว่า งูเห่านวล หรือ งูเห่าสุพรรณ ซึ่งเป็นความหลากหลายทางสีสันของงูเห่าหม้อ (N. kaouthia) ที่เป็นงูเห่าชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในประเทศไทย โดยที่มิใช่สัตว์เผือกด้วย
2. งูจงอาง
งูจงอาง คืองูพิษที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังผลิตพิษได้มากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยทั่วไปมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 3.5 – 4.5 เมตร และอาจยาวได้เกิน 6 เมตร
งูจงอางมีลำตัวเรียวยาว ว่ายน้ำเก่ง มีหลายสี แต่โดยทั่วไปจะมีสีน้ำตาลแดงอมเขียว หรือลำตัวสีเขียวอมเทา สีดำ สีนํ้าตาล และสีเขียวอ่อนเกือบขาว ส่วนที่พบมากที่สุดคือ สีดำและเขียวอมเทา และสีนํ้าตาล น้อยสุดคือสีเขียวอ่อนเกือบขาว ท้องมีสีเหลืองจนเกือบขาว มีสีแดงเกือบส้มที่บริเวณใต้คอ
พิษของงูจงอาง มีผลทางระบบประสาทที่รุนแรง สามารถทำให้คนหรือสัตว์ตายได้ โดยมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 75% เนื่องจากปริมาณพิษที่ฉีดออกจากเขี้ยวพิษมีมาก งูจงอางมีนิสัยค่อนข้างดุร้าย แต่ถ้าไม่จวนตัวหรือถูกรุกรานก่อนจะไม่ทำร้าย
3. งูกะปะ
งูกะปะอาจเป็นงูที่คนไทยโดนกัดมากที่สุด เนื่องจากสังเกตุเห็นได้ยากและยังชอบนอนอยู่เฉยๆ จนคนเดินเข้าไปใกล้ เป็นงูที่ชอบอาศัยบริเวณดินปนทรายที่มีใบไม้หรือเศษซากไม้ทับถมกันเพื่อซ่อนตัว ด้วยสีสันและลวดลายจึงทำให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้อย่างดีเยี่ยม
พิษของงูกะปะนั้นมีผลต่อระบบเลือด ทำให้เลือดออกมากผิดปกติ เมื่อถูกกัดภายใน 10 นาที บริเวณรอบแผลที่ถูกกัดจะบวมขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งแขนหรือขาข้างนั้นบวมไปหมดภายใน 1 ชั่วโมง โดยในรอยเขี้ยวจะมีเลือดไหลตลอดเวลา
4. งูแมวเซา
เป็นงูที่มีรูปร่างอ้วนป้อม ลำตัวสั้น หางสั้น เวลาตกใจหรือถูกรบกวนมักขดตัวเตรียมสู้และระวังตัว พร้อมทั้งทำเสียงขู่คล้ายแมวหรือเสียงของยางรถยนต์รั่ว เป็นงูที่ฉกกัดได้รวดเร็วแทบไม่ทันตั้งตัวทั้งๆ ที่ขดตัวอยู่ในลักษณะปกติ
มีพฤติกรรมชอบอยู่ตามที่ราบแห้ง ๆ เชิงเขาที่เป็นดินปนทราย ตามที่ดอน หรือซ่อนตัวในซอกหิน โพรงดิน ใต้กอหญ้าใหญ่ ๆ ไม่ชอบย้ายที่อยู่บ่อยๆ มีอุปนิสัยดุร้าย และเป็นงูที่มีพิษต่อผลการแข็งตัวของเลือดโดยตรง และยังทำให้เกิดอาการไตวายได้
5. งูสามเหลี่ยม
เป็นงูที่พบได้ทุกภาคในประเทศไทย แต่จะพบได้มากในภาคใต้ รวมถึงป่าพรุโต๊ะแดง ออกหากินในเวลากลางคืน มักขดนอนตามโคนกอไม้ไผ่, ป่าละเมาะ, พงหญ้าริมน้ำ เป็นงูที่ไม่ดุ ไม่ฉกกัด นอกจากจะมีคนเดินไปเหยียบหรือเดินผ่านขณะที่งูสามเหลี่ยมกำลังไล่กัดเหยื่อซึ่งเป็นอาหาร
พิษของงูสามเหลี่ยมจะทำลายระบบประสาท เมื่อถูกกัดจะมีอาการชักกระตุก ปวดช่องท้อง มีเลือดออกเป็นจุดๆ ใต้ผิวหนัง มีเลือดออกตามไรฟันและไอเป็นเลือด
6. งูทับสมิงคลา
สำหรับงูทับสมิงคลาเป็นงูที่ได้ชื่อว่ามีพิษร้ายแรงมากๆ เป็นงูขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ ลำตัวยาวและตรงกลางของหลังเป็นสันไม่สูงมาก หางสั้นและส่วนปลายของหางเรียว หัวสีดำหรือสีเทาเข้ม ขอบปากบนสีขาว บนหลังและด้านบนของหางมีปื้นใหญ่สีดำรูปอานม้า ด้านท้องและใต้หางสีขาว
งูทับสมิงคลา เป็นงูพิษต่อระบบประสาท ที่มีลายดำสลับขาวเป็นปล้อง โดยปล้องขาวจะไม่ขาวสนิทแต่มีสีดำเจือปนอยู่ งูพิษชนิดนี้ พิษชนิดนี้มีโมเลกุลขนาดเล็ก สามารถถูกดูดซึมได้รวดเร็วไปตามกระแสเลือด ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ป่วยเกิดหนังตาตก พูดไม่ชัด หายใจไม่สะดวก .. ในประเทศไทยพบงูชนิดนี้ได้ทุกภาค