12 เมืองตัวเต็ง ที่กำลังจม ‘ใต้น้ำ’ อย่างรวดเร็ว

ในปัจจุบันมีเมืองมากถึง 37% บนโลกที่ตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่ง โดยเฉพาะในสหรัฐ คิดเป็นเปอร์เซ็นถึง 40% ที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่ง แต่ในปัจจุบันเพราะผลจากภาวะโลกร้อน ได้ส่งผลให้เมืองใกล้ชายฝั่งจำนวนมากเผชิญภัยจากน้ำทะเลที่เริ่มสูงขึ้น แล้วทำให้เมืองเหล่านี้มีสิทธิ์จมหายลงไปในทะเลได้ และนี่คือ 12 เมืองที่เสี่ยงกับการจมลงสู่ทะเลจากสภาวะโลกร้อน

เมืองจมน้ำ

1. อเล็กซานเดรีย อียิปต์

Advertisements

เมืองเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง กำลังเสี่ยงที่จะจมลงสู่ทะเล จากการศึกษาในปี 2018 ปัญหาจากทั้งประชากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการรุกล้ำพื้นที่ และมันเริ่มส่งปัญหา ในปี 2100 นักวิจัยคาดการว่าพื้นที่มากถึง 1000 ตารางไมล์จะโดนทะเลกลืนกิน ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อประชากร

2. อัมสเตอร์ดัม เนเธอแลนด์

ที่แห่งนี้ประสบปัญหามาตั้งแต่แรกเริ่มเนื่องจากพื้นที่ต่ำกว่าน้ำทะเลมาตั้งแต่สมัยยุคโรมัน อัมเตอร์ดัมเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองของเนเธอแลนด์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล

ค่าดำเนินการในการรักษาเขื่อนกั้นน้ำและการระบายน้ำ รวมถึงซ่อมเเซมส่วนที่เสียหายนั้นพุ่งไปถึง 5.2 ล้านยูโร ในปี 2100 คาดว่าระดับน้ำทะเลนั้นจะเพิ่มสูงไปถึง 2.5 ฟุต ซึ่งด้วยจำนวนน้ำที่สูงขึ้นเขื่อนอาจจะรับไม่ไหวก็เป็นได้

3. กรุงเทพ ประเทศไทย

ที่ผ่านมากรุงเทพได้ประสบกับภัยจากน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างเงียบๆ พื้นที่แถบบางขุนเทียนก็ถูกน้ำทะเลกินลึกเข้ามาเรื่อยๆ ทุกปี และดินทรุดจากการก่อสร้างและการสูบน้ำบาดาลทำให้พื้นที่บางส่วนตํ่าลงเรื่อยๆ ซึ่งถ้าในอนาคตยังไม่มีการเตรียมแผนรับมือ รับรองได้ว่าจะประสบปัญหาครั้งใหญ่แน่นอน

Advertisements

4. เมืองชาร์ลสตัน รัฐเซาท์แคโรไลนา สหรัฐอเมริกา

Advertisements

เมืองท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์ยาวแห่งนี้ ประสบภัยจากน้ำท่วมมาหลายปีแล้วนับตั้งแต่ยุคอาณานิคม แต่ด้วยปัญหาน้ำทะเลที่สูงขึ้นในปัจจุบันบวกกับพายุประจำปี ยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เมืองชาร์ลสตันเจอน้ำท่วมยาวนานมากสุดถึง 23 วันต่อปี ทำให้เมืองนี้มีโอกาสจมจากภาวะโลกร้อนอย่างมาก

5. เมืองธากา บังคลาเทศ

ธากาเป็นหนึ่งในเมืองที่เจอปัญหาน้ำท่วมหนักที่สุดในโลก ซึ่งผลกระทบหลักๆ มาจากปัญหาโลกร้อนและการขยายตัวของประชากร ด้วยจำนวนประชากรที่มาก แถมยังอยู่ในพื้นที่ต่ำทำให้มีผลกระทบอย่างมากในทุกๆ ปี คาดการว่าในปี 2050 หลายส่วนของเมืองอาจจะจมอยู่ใต้น้ำซึ่งจะส่งผลกระทบใหญ่หลวง

Advertisements

6. โฮจิมินห์ซิตี้ เวียดนาม

เมืองที่ได้ฉายาว่า ปารีสแห่งตะวันออก กำลังประสบปัญหาเมืองต่ำกว่าระดับน้ำทะเล การขยายตัวของประชากรส่งผลกระทบต่อเมืองนับตั้งแต่ปี 1997 หลักๆ มาจากการคุมผังเมืองที่ค่อนข้างแย่ รวมถึงการสูบน้ำบาดาล ซึ่งตอนนี้เริ่มส่งผลกับบางส่วนของเมืองแล้ว

7. ฮูสตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา

Advertisements

ไม่น่าเชื่อว่าเมืองแห่งน้ำมันของสหรัฐ แห่งนี้จะเจอปัญหานี้ด้วย แต่ใช่มันเริ่มจากการขุดเจาะนํ้ามัน นับตั้งแต่ปี 1979 ระบบสาธารณูปโภคได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในทุกปี ซึ่งตอนนี้มันเริ่มส่งผลกระทบอย่างหนักแล้วหลังเกิดพายุในแต่ละครั้ง

8. จาการ์ตา อินโดนีเซีย

จาการ์ตาเป็นหนึ่งในเมืองที่กำลังจะจมน้ำเร็วกว่าเมืองขนาดใหญ่บนโลก ปัญหาหลักๆ มาจากการสูบน้ำบาดาลอย่างผิดกฏหมาย ซึ่งถ้ามันยังดำเนินต่อไป เมืองจะจมลง 2-4 เมตร และภายในปี 2100 เนื้อที่ 40% ของเมืองจะอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล

Advertisements

9. เลกอส ไนจีเรีย

ตามแนวชายฝั่งของไนจีเรียส่วนมากอยู่ตํ่ากว่าระดับน้ำทะเล และด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้เมืองเริ่มจมลงเร็วยิ่งขึ้น ในขณะที่ทะเลทรายซาฮาราเองก็ขายใหญ่ขึ้นเนื่องจากภัยแล้ง

ในฐานนะเมืองขนาดใหญ่ของแอฟริกา มันต้องเผชิญหน้ากับอันตรายจากน้ำท่วมการกัดเซาะ แถมยังมีความไม่มั่นคงด้านอาหาร ผู้คนหลายล้านคนอาจต้องพลัดถิ่นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

10. ไมอามี ฟอริด้า สหรัฐอเมริกา

หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของสหรัฐ ก็กำลังประสบปัญหาจากน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทางใต้ของแหลมฟอริดานั้นได้รับผลกระทบตั้งแต่ปี 1990 ซึ่งทางการได้เตรียมการสำหรับระดับน้ำที่จะเพิ่มอีก 2 ฟุตในปี 2060 แล้ว แต่นั้นยังไม่พอ เพราะฟอริด้ายังได้รับผลกระทบจากพายุเข้าถล่มทุกๆ ปีอยู่ดี

11. นิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา

ตั้งอยู่ใกล้กับแม่นํ้ามิสซิสซิปปี เมืองนี้มีปัญหาน้ำท่วมมานานมากๆ และยิ่งหลังจากการขุดเจาะเอาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติยิ่งส่งผลกระทบต่อเมืองด้วย และความเสี่ยงจากน้ำท่วมยังเพิ่มขึ้นทุกปี ในช่วง 10 ปีหลังมานี้ความเสียหายเริ่มเพิ่มขึ้น ซึ่งมันจะส่งผลร้ายได้ถ้ายังไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง

12.เวนิช อิตาลี

แน่นอนว่าเมืองแห่งนี้ต้องติดอันดับด้วย เพราะปกติเมืองแห่งนี้ก็อยู่ต่ำกว่าระดับทะเลอยู่แล้ว ในปัจจุบันเวนิสนั้นประสบปัญหาหนักที่สุด ในปี 2019 เมืองได้เจอกับเหตุการณ์น้ำท่วมที่หนักที่สุดและยังมีคนตาย ระดับน้ำนั้นสูงมากกว่าที่คิดและเป็นไปได้ว่าอีก 40 ปีข้างหน้าเมืองจะจมไปตลอดกาล

ในปัจจุบันปัญหาที่เมืองเริ่มจมน้ำนั้นเป็นปัญหาระดับประเทศ รัฐบาลของประเทศนั้นต้องดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะไม่งั้นมันจะส่งผลกระทบร้ายแรงกว่าที่คิดไว้มาก และส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้

อ่านเรื่องอื่น

Advertisements