1. Crocidolite (แร่ใยหินสีน้ำเงิน)
Crocidolite หรือที่เรียกว่าแร่ใยหินสีน้ำเงิน สามารถทำให้เกิดโรคร้ายแรงเช่นมะเร็งปอดและมะเร็งเยื่อหุ้มปอด แร่ที่เป็นเส้นใยนี้สามารถสร้างฝุ่นได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมักถูกสูดดมโดยผู้ที่อยู่ใกล้มัน
ในออสเตรเลียตะวันตก แร่ชนิดนี้ได้ลบเมืองแหล่งหนึ่งออกจากแผนที่ การทำเหมือง Crocidolite ในเมือง Wittenoom ทำให้ชาวเมืองกว่า 2,000 คนเสียชีวิตด้วยโรคเมโสเธลิโอมาและโรคอื่นๆ รัฐบาลบังคับขับไล่ผู้อยู่อาศัยคนสุดท้ายและลบเมืองออกจากแผน ทั้งยังห้ามเข้าใกล้ เพื่อขัดขวางนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเยี่ยมชม “เมืองที่อันตรายที่สุดในออสเตรเลีย”
2. Hydroxyapatite (ไฮดรอกซิลอะพาไทต์)
ไฮดรอกซิลอะพาไทต์หรือที่เรียกว่าไฮดรอกซีอะพาไทต์ เป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สามารถขัดขวางการไหลเวียนของเลือดเมื่อมันสะสมภายในลิ้นหัวใจและหลอดเลือดแดง
อย่างไรก็ตามแม้มันจะอันตรายแต่แร่ธาตุในหินนี้ มีความสำคัญต่อการเคลือบฟันและการสร้างกระดูก และยังมีประโยชน์สำหรับการผลิตปุ๋ย สารเคมีภายในยังใช้ในอุตสาหกรรมเคมีและยา
3. Erionite (เส้นใยอีโรไนต์)
Erionite เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นแร่เส้นใยซึ่งมักพบในเถ้าภูเขาไฟ เมื่อถูกรบกวน เส้นใยอีโรไนต์สามารถลอยอยู่ในอากาศได้ และทำหน้าที่คล้ายกับไฟจากแร่ใยหิน หากได้รับแร่นี้เข้าสูู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดมะเร็ง มะเร็งปอด หรือเมโสเธลิโอมา บางภูมิภาคของตุรกีประสบปัญหาอย่างต่อเนื่องจากแร่
4. Phenacite (ฟีนาไคท์)
ฟีนาไคท์เป็นแร่ธาตุที่สวยงาม มักถูกใช้ในฐานะอัญมณี ในแร่ชนิดนี้จะมีเบริลเลียม (Beryllium) ซึ่งเป็นองค์ประกอบขนาดเล็กที่สุด หากเบริลเลียมเข้าสู่ร่างกาย มันจะสามารถกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปอดและโรคปอดอักเสบรุนแรง รวมถึงโรคเบริลลิโอซิสและโรคปอดอักเสบจากสารเคมี
5. K-Feldspar (เค-เฟลด์สปาร์)
เค-เฟลด์สปาร์อยู่ในกลุ่มของแร่ธาตุโพแทสเซียมอะลูมิเนียมซิลิเกต ซึ่งรวมถึงออร์โธคลาส ไมโครไคลน์ และอะดูลาเรีย แร่ธาตุนี้ประกอบด้วยยูเรเนียมกัมมันตภาพรังสีในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งจะค่อยๆ ก่อตัวเป็นก๊าซเรดอน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปอด
6. Chrysotile (แร่ใยหินสีขาว)
การสัมผัสไครโซไทล์ (แร่ใยหินสีขาว) เป็นเวลานาน ซึ่งเป็นแร่ใยหินที่พบได้บ่อยที่สุด จะนำไปสู่โรคปอดที่ลุกลามทำให้เนื้อเยื่อปอดแข็ง
ในตอนนี้พบแร่ใยหินไครโซไทล์จำนวนมากในกว่า 60 ประเทศ รวมทั้งรัสเซีย ซึ่งเป็นแหล่งแร่ใยหินไครโซไทล์มากที่สุดในโลก กว่า 50 ประเทศได้สั่งห้ามการขุดแร่ใยหินชนิดที่เป็นอันตรายนี้ ..แต่ถึงอย่างงั้นแร่ชนิดนี้ก็มีอยู่มากมายตามบ้านเรือนสมัยก่อน
7. Quartz (ควอตซ์)
โรคซิลิโคสิส มะเร็งปอด โรคไต และปัญหาทางภูมิคุ้มกันเกิดจากการสัมผัสกับผลึกที่มีอนุภาค ซิลิกอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีมากเป็นอันดับสองในเปลือกทวีปของโลก ซึ่งก่อตัวเป็นควอตซ์โดยธรรมชาติ
8. Fluorite (ฟลูออไรต์)
ฟลูออรีนเป็นสารที่ละลายน้ำได้และมีปฏิกิริยาสูงที่พบในฟลูออไรต์ การสัมผัสกับสารเคมีนี้ สามารถนำไปสู่โรคกระดูก ที่เรียกว่าโรคกระดูกพรุน (Skeletal fluorosis) ซึ่งทำให้กระดูกอ่อนแอลง
ในประเทศจีนการทำเหมืองถ่านหิน ทำให้ผู้คนมากกว่า 20 ล้านคนต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคฟลูออโรซิส ..ปัจจุบันจีนผลิตฟลูออไรต์มากที่สุด รองลงมาคือเม็กซิโก มองโกเลียและรัสเซีย ในขณะที่แอฟริกาใต้มีฟลูออไรต์สะสมมากที่สุด
9. Galena (กาลีนา)
นักขุดแร่ตะกั่วส่วนใหญ่จะแสวงหาแร่กาลีนา ซึ่งเป็นแร่ตะกั่วที่เป็นแหล่งแร่เงินที่เชื่อถือได้ แร่ชนิดนี้มีความสามารถในการละลายค่อนข้างต่ำ หมายความว่าจะไม่ละลายในน้ำได้ง่ายๆ แต่ก็มีจุดหลอมเหลวที่ต่ำ
เมื่อกาลีนาปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อมในวงกว้าง อาจทำให้พัฒนาการของระบบประสาทของทารกในครรภ์และเด็กพิการได้ ในผู้ใหญ่ กาลีนาอาจทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
10. Pyrite (ไพไรต์)
ในบางแง่มุม แร่ไพไรต์ซัลไฟด์มีปัญหาตรงกันข้ามกับกาลีนา แร่ไพไรต์ประกอบด้วยธาตุเหล็กและกำมะถัน สามารถปนเปื้อนน้ำใต้ดินและลำธารผ่านทางหางแร่ของเสียจากเหมือง
ปฏิกิริยาออกซิเดชันของแร่ไพไรต์จะปล่อยโลหะที่เป็นพิษและเมทัลลอยด์ เช่น สารหนู ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่เป็นพิษ แร่ดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรงกับผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะในจังหวัดกุ้ยโจว ประเทศจีน
11. Cinnabar (ซินนาบาร์)
ซินนาบาร์เป็นแร่ที่อันตราย มันรวมเอากรดของกำมะถันเข้ากับสารปรอทที่เป็นพิษ ทำให้มันเป็นหนึ่งในแร่ธาตุที่อันตรายที่สุด เมื่อถูกออกซิไดซ์ แร่ดังกล่าวจะผลิตสารประกอบที่เป็นพิษของปรอท ซึ่งก่อให้เกิดความผิดปกติของพัฒนาการและระบบประสาทของทารกในครรภ์และเด็ก
ซินนาบาร์ถูกนำมาใช้เพื่อผลิตเม็ดสีส้มสว่างบนเซรามิก ภาพจิตรกรรมฝาผนัง และรอยสักในสมัยโบราณ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การขุดได้ลดลงเนื่องจากความต้องการสารปรอททั่วโลกลดลง ปัจจุบันเหมืองซินนาบาร์ส่วนใหญ่อยู่ในสเปน จีน คีร์กีซสถานและแอลจีเรีย