เรื่องราวเกิดขึ้นที่ จังหวัดกาญจนบุรี
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2485 เป็นช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2 และไทยเองก็อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ในตอนนั้นไทยถูกญี่ปุ่นยกพลขึ้นบก โดยมีเป้าหมายใช้ไทยเป็นฐานส่งกำลังนำทัพเดินทางไปโจมตีกองทัพอังกฤษ ทหารอเมริกัน ที่อยู่ในประเทศพม่า
เพื่อให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น พวกเขาจึงต้องมีการสร้างทางรถไฟ และสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควเพื่อให้รถไฟวิ่งผ่าน สามารถลำเลียงอาวุธได้สะดวก เชลยศึกชาวตะวันตกเป็นจำนวนมากที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นจับมา จึงต้องมาใช้แรงงานในการสร้างทางรถไฟในจังหวัดกาญจนบุรี
แต่กว่าที่จะสร้างสะพานได้สำเร็จนั้น ต้องสังเวยชีวิตของเชลยศึกสงครามไปหลายหมื่นคน แถมยังเกิดโรคระบาดอย่างไข้มาลาเรียที่คร่าชีวิตเชลยที่สร้างทางรถไฟไปเป็นจำนวนมหาศาล นั้นเพราะสมัยก่อนพื้นที่กาญจนบุรีส่วนใหญ่เป็นป่ารกทึบที่ชุกชุมไปด้วยยุงป่ามาก
“จนมีคำกล่าวเปรียบเปรยถึงผู้ที่เสียชีวิตจากการก่อสร้างทางรถไฟที่แสนยากลำบากสายนี้ว่า หนึ่งไม้หมอนรถไฟแทนหนึ่งชีวิตที่เสีย”
นอกจากภัยจากโรคระบาดที่มากับยุงแล้ว ป่าที่รกทึบก็ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านักล่าอีกมากมาย พวกมันจะออกมาล่าเอามนุษย์กลับไปกิน
มีการตั้งฐานเพื่อเป็นที่พักของทหารญี่ปุ่นที่ถูกส่งเข้ามาคุมเชลย จึงต้องมีการจัดชุดเวรยามตามมาตรฐานของกองทัพเพื่อดูแลความสงบและป้องกันเชลยหลบหนี กองทัพญี่ปุ่นได้จัดชุดลาดตระเวนรอบๆ ฐานทัพ เป็นจำนวน 15 นาย เข้าเวรสลับผลัดเปลี่ยนกันเป็นกะ
“จนวันหนึ่งเรื่องราวที่ต้องสร้างความกลัว ให้กับทหารญี่ปุ่นก็เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ได้มีการตั้งฐานทัพ”
ทหารญี่ปุ่นที่ถูกส่งออกไปลาดตระเวน มักจะหายตัวไปแบบไร้ร่องรอยวันละ 1-2 นาย มันสร้างความวิตกให้กับผู้บังคับบัญชา เขาจึงได้เพิ่มกำลังทหารเข้าไปอีก จากที่เคยเดินลาดตระเวนจุดละคนก็กลายเป็น 2-3 คน แต่จะเริ่มเข้าไปก็ไร้ผล เพราะทหารยังหายไปเหมือนเดิม
ผู้บังคับบัญชาจึงส่งทหารแกะรอยเพื่อหาสิ่งผิดปกติได้ออกลาดตระเวนไปรอบ ๆ พื้นที่ ที่ตั้งค่ายเป็นรัศมีประมาณ 5 กม. จนกระทั่งได้พบกับถ้ำแห่งหนึ่ง ..พวกเขาจึงส่งทหารเข้าไปสำรวจ
ระหว่างที่ส่งทหารเข้าไป ฝั่งที่เฝ้าอยู่ภายนอกก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1-2 ครั้ง จึงทำให้คิดว่ามีการต่อสู้กับศัตรูฝ่ายตรงข้าม จึงได้ส่งทหารอีกกลุ่มเข้าไปเสริมในทันที ไม่นานนักหลังจากที่ได้ส่งกำลังเสริมไป
“ทหารที่อยู่ปากถ้ำต้องวิ่งกระเจิง เมื่อได้ยินเสียงของทหารที่ถูกส่งลงไปตะโกนด้วยความตกใจว่า “สัตว์ประหลาด” พร้อมกับวิ่งพรวดออกมาเพื่อเอาชีวิตรอด”
สิ่งที่เขาได้เจอมาคือ งูขนาดใหญ่ มันใหญ่มาก พวกเขาไม่เคยพบเจออะไรที่มันใหญ่โตขนาดนี้มาก่อน หัวหน้าจึงได้สั่งให้จัดการกับเจ้าเพชฌฆาตยักษ์นั้นอย่างเด็ดขาด ด้วยวิธีการเอาระเบิดยัดเข้าไปในถ้ำนั้น เพื่อทำการปลิดชีพเจ้างูยักษ์
ระเบิดจำนวนมากถูกลำเลียงมาเพื่อใช้ระเบิดถ้ำปริศนา ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่อยู่ของงูยักษ์ จากนั้นจึงจุดชนวน พอสิ้นเสียงระเบิด เหล่าทหารก็วิ่งเข้าไปสำรวนถ้ำ
“สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือร่างของงูเหลือมขนาดใหญ่ยักษ์ มีความยาวหลายสิบเมตร กว้างพอๆ กับ ตู้กับข้าวที่อยู่ในกองทัพ แถมปากของมันก็ใหญ่มากพอที่จะสามารถเขมือบคนในคำๆ เดียวได้มากถึง 3 คน ได้”
ถึงเจ้างูยักษ์ตัวนี้จะมีร่างกายที่ใหญ่มหึมามากแค่ไหน แต่ร่างของมันถึงกับขาดวิ่นเป็นท่อน เมื่อต้องพบเจอกับแรงระเบิดจำนวนมหาศาลที่กองทัพใช้ แต่ไม่ได้ทำให้งูยักษ์ตายได้ มันพยายามเลื้อยหนีออกจากถ้ำ
แต่พวกทหารก็ไม่ได้เปิดโอกาส เพราะพวกเขากระหน่ำยิงใส่จนปลอกลูกกระสุนหล่นเกลื่อนกลาดเต็มพื้น ก่อนที่มันจะขาดใจตายอยู่ตรงนั้น ..และนี่ก็เป็นการจบชีวิตของงูยักษ์แห่งเมืองกาญ